ประวัติองค์กร

“กลุ่มดาหลา” ได้รวมกลุ่มกันขึ้นเมื่อเดือน สิงหาคม 2547 โดยเพื่อนผู้รักงานอาสาสมัครทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จัดกิจกรรมค่ายอาสาสมัครขึ้นครั้งแรกในปี 2548 และได้จดทะเบียนเป็นสมาคมโดยใช้ชื่อว่า “สมาคมอาสาสมัครนานาชาติเพื่อการพัฒนาสังคม (ดาหลา)” เมือวันที่ 16 มิถุนายน 2551 สำนักงานตั้งอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถึงวันนี้กลุ่มดาหลาได้ดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกันมาเกือบ 10 ปี เสมือนเด็กน้อย ที่เริ่มด้วยวัยแห่งการเรียนรู้ รอวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงและเพียบพร้อมด้วยประสบการณ์ ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์สังคมโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยเจตนารมณ์ของความปรารถนาดีต่อสังคมร่วมกัน นอกเหนือจากการจดทะเบียนเป็นสมาคมในประเทศไทย ในเครือข่ายระหว่างประเทศนั้น กลุ่มดาหลาก็ได้ร่วมเป็นสมาชิกของ CCIVS หรือ (คณะกรรมการประสานงานเพื่ออาสาสมัครนานาชาติ) ซึ่งมีกลุ่มองค์กรเครือข่ายงานเกี่ยวกับอาสาสมัครทั่วโลก และกลุ่มองค์กรเครือข่ายในเอเชีย NVDA หรือ (เครือข่ายอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาเอเชีย) ซึ่งทั้งสองเครือข่ายนี้ เสมือนตัวกลางในการประสานงานเพื่อการจัดส่งหรือแลกเปลี่ยนอาสาสมัครนานาชาติ เข้าร่วมโครงการที่ทางกลุ่มดาหลาและหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดขึ้น

 

เป้าหมาย

เป้าหมายหลักของเรา คือ “การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน” เพื่อการบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว เราได้แยกย่อยเป็น 3 แนวทางคือ

1) ส่งเสริม   หรือการร่วมผลักดันกิจกรรมกับชุมชนในท้องถิ่นต่างๆเช่น การสร้างศาลา หรือศูนย์เรียนรู้ในท้องถิ่น การทำกิจกรรมกับเด็กในโรงเรียน

2) เสริมสร้างมิตรภาพ กิจกรรมต่างๆ ของทางสมาคมจะนำกลุ่มอาสาสมัครไทยและต่างชาติและคนในชุมชนมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน

3) สงวน และดูแลรักษา สงวน และดูแลสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมท้องถิ่นไม่ให้สูญหาย จากรุ่นสู่รุ่น

 

เกี่ยวกับโครงการ

ค่ายอาสาค่ายนี้ พิเศษตรงที่ทางสมาคมได้รับการติดต่อจากเครือข่ายประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งอยากจะมาหาประสบการณ์งานด้านอาสาในประเทศไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำนา ประมง เกษตร และกิจกรรมกับเด็ก โดย เป้าหมายในระยะยาวของโครงการเกาะสุกร เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และคนในพื้นที่เรียนรู้ทักษะชีวิตของชุมชนตนเอง วิถีชีวิตดั้งเดิม ทักษะด้านภาษาอังกฤษ การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และการเปิดโอกาสเรียนรู้โลกในยุคแห่งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ผ่านการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครนานาชาติ อาสาสมัครไทย ซึ่งจะทำชาวบ้านในพื้นที่ ได้เปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ได้กว้างขึ้น เพราะเราเชื่อว่า การศึกษา คือการเปิดโลกกว้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การหันกลับมาศึกษาภูมิปัญญาที่มีอยู่คู่ชุมชนและวิถีชีวิตของคนในชุมชน เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและการใฝ่รู้ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม ได้พัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความหลากหลายและความเข้าใจกัน ได้อย่างลงตัว โดยการสร้างกระบวนการกิจกรรมกับเด็กและศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนที่ทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน

กิจกรรม

-ดำนา และเกษตรต่าง ๆ

– กิจกรรมกับเด็ก

– ภูมิปัญญาท้องถิ่น (การหาปู หาปลา หากุ้ง)

– วิถีชีวิตของชุมและบริบทชุมชน

วัตถุประสงค์โครงการ

 – เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการเกษตร การเรียนรู้ภูมิปัญญา วิถีชีวิตของชุมชน ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการตนเองของชุมชนได้

– เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน

เพื่อแลกเปลี่นภาษาและวัฒนธรรมระหว่างผู้เข้าร่วม

สภาพทั่วไป

เกาะสุกรเป็นเกาะเล็กๆอยู่ฝั่งทะเลอันดามันในเขตอำเภอปะเหลียน  ประกอบด้วย 4หมู่บ้านมีประชากรประมาณ 2,566 คน มีเนื้อที่ประมาณ 8,750ไร่ มีท่าเทียบเรือ 2 แห่งคือท่าเทียบเรือหาดทรายทองขึ้นฝั่งท่าตะเสะ อำเภอหาดสำราญและท่าเทียบเรือบ้านแหลมขึ้นฝั่งท่าข้าม อำเภอปะเหลียน สถานที่ราชการของเกาะสุกร มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง โรงเรียนระดับประถมศึกษา 1 โรง โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส 1 โรง มัสยิด 3 หลัง สถานีอนามัย 1 แห่ง และป้อมตำรวจ 1 แห่ง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม สภาพพื้นที่ของเกาะสุกรมีลักษณะเป็นที่ราบสลับภูเขาเตี้ยๆมีป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งบ้างบางพื้นที่

การประกอบอาชีพส่วนใหญ่ของคนในพื้นที่ขึ้นอยู่สภาพ ดิน ฟ้า อากาศและฤดูกาล อาชีพหลักคือการทำประมง รองลงมาคืออาชีพเกษตรกรรมได้แก่ การทำสวนยางพารา การทำนา ปลูกพืชหมุนเวียน เช่น แตงโมง ข้าวโพด ผักต่างๆ โดยเฉพาะแตงโมงถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะสุกรมีรสชาติอร่อย นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น ควาย วัว แพ และอาชีพรับจ้างทั่วไป

มีโรงเรียนประถม ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาล ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมีโรงเรียนขยายโอกาสตั้งอยู่ในชุมชน รวมทั้งยังมีภูมิปัญญาด้านการทำประมงพื้นบ้าน วิถีชีวิตและบริบทชุมชนทางการเกษตรที่เป็นต้นทุนทางทรัพยากรที่คงคุณค่าแก่การเรียนรู้และการอนุรักษ์ไว้สืบไป

นางสาวรัตนา  ไชยมล หนึ่งในชาวบ้านชุมชนเกาะสุกรเชื่อว่าชุมชนและครอบครัวของเด็กและเยาวชน สามารถเป็นพื้นที่ให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะชีวิต วีถีชีวิต และทุกกระบวนการเรียนรู้จากชุมชนทั้งวิถีชีวิตและบริบทชุมชนต้องเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่เรียนรู้ทักษะทางด้านการสื่อสาร โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคตและที่สำคัญการสร้างจิตสำนึกในการรักษามรดก วิถีชีวิตของชุมชนเกาะสุกรไว้

ในช่วงเดือนรอมฎอน ชุมชนมุสลิมจะมีเทศกาลถือศีลอด ชาวบ้านจะไม่มีกิจกรรมในช่วงกลางวันมากนัก อาสาสมัครสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตของมุสลิมในช่วงถือศีลอดได้ ในชุมชนมีร้านขายของชำ ที่อาสาสมัครสามารถหาซื้อของที่จำเป็นได้  สำหรับการซื้อของอื่นๆที่ไม่มีขายในชุมชน อาสาสมัครสามารถเข้าไปซื้อของ ติดต่อธนาคาร ใช้อินเตอร์เน็ต หรือติดต่อโรงพยาบาล ในตัวเมืองย่านตาขาวและตัวอำเภอเมืองตรัง โดยอาสาสมัครต้องติดต่อผู้ดูแลโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ กรณีที่ต้องออกไปในตัวเมือง

อาหาร

จะต้องทำอาหารด้วยตัวเอง สามารถออกทะเลไปหาอาหารกับชาวบ้านได้ หรือซื้ออาหารในร้านของหมู่บ้านได้เช่นกัน

ที่พัก  

พักในโรงเรียนบนเกาะสุกร นอนในห้องเรียน (กรุณานำอุปกรณ์การนอนมาด้วยตัวเอง ถุงนอน หมอนลม แผ่นนอนโยคะ)

 ซักผ้า
ซักผ้ากับมือ กรุณานำผงซักฟอกมาเอง

ห้องน้ำ

ใช้ห้องน้ำนักเรียน

จุดนัดพบ

วันที่ 21 สิงหาคม 2559 สถานีรถไฟตรัง เวลา 11.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนมายังจุดนัดพบภายในเวลาดังกล่าวค่ะ

 

การเดินทางจากกรุงเทพ มายังจุดนัดพบ
ทางเครื่องบิน นั่งเครื่องจากดอนเมือง มาลงสนามบิน ตรัง หลังจากนั้น นั่งแท็กซี่ มายังจุดนัดพบสถานีรถไฟ (หากต้องการข้อมูลที่ชัดเจนเช็คดู ททท.ตรังค่ะ

ทางรถบัส  นั่งรถบัส จากสายใต้ กรุงเทพ ตรัง  (หลังจากนั้นต่อ มอไซด์หรือตุ๊กตุ๊ก มายังจุดนัดพบค่ะ)

ทางรถไฟ นั่งรถจากหัวลำโพง มาลงสถานี ตรัง (มาเที่ยว ที่ถึงเช้า ๆ นะคะ รถไฟ มาช้าทุกขบวนค่ะ)

 

การเดินทางไปเกาะสุกร (เดินทางไปพร้อมผู้ประสานงานค่ายจากดาหลาค่ะ)

จากสถานีรถไฟตรัง – สถานีรถตู้โดยสารตรัง – ย่านตาขาว รถตุ๊ก ๆ หรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างราคาแล้วแต่ตกลง ค่าโดยสารรถตู้จากตรัง – อำเภอย่านตาขาว คนละ 30 บาท ค่าโดยสารรถสองแถวจากอำเภอย่านตาขาวไปท่าเรือตะเสะที่จะเดินทางไปเกาะสุกรคนละ 30 บาท (รถเที่ยวสุดท้ายประมาณบ่ายโมง) ค่าเรือโดยสารจากฝั่งไปเกาะคนละ 30 บาท (ถ้าเหมาเที่ยวละ 240 บาท) ค่ารถโดยสารบนเกาะจากท่าเรือถึงที่พักคนละ 40 บาท

คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมในการเข้าร่วมโครงการนี้

– สามารถใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ทำงานในที่ที่มีอากาศร้อนได้

– ใจกว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

– มีความคิดสร้างสรรค์ และสนใจกิจกรรมต่างๆ

– ไม่ยึดติดกับโลกออนไลน์

จำนวนอาสาสมัครที่เปิดรับสมัคร

อาสาสมัครไทย  10 คน

การติดต่อสื่อสาร

สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้ทุกเครือข่าย

ภาษาที่ใช้
อังกฤษ ไทย  ญี่ปุ่น

เงื่อนไขการร่วมโครงการ

  1. ต้องเสียค่าบำรุงสมาคม 2,500 บาท ซึ่งจะนำมาเป็นค่าอาหารสำหรับผู้เข้าร่วม ค่าที่พัก  ค่ากิจกรรมและค่าบำรุง ของสมาคม
  2. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องแจ้งผู้ปกครองให้รับทราบก่อนเข้าร่วมโครงการ
  3. ผู้เข้าร่วมเป็นผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของตนเอง

สิ่งที่ต้องเตรียมมาร่วมค่าย **กระเป๋าควรเป็นแบบเป้สะพายค่ะ

  1. ถุงนอน หรือผ้าห่ม มุ้ง
  2. เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ 2 สัปดาห์ (ผู้หญิงเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้นเลยเข่าไม่ควรสวมใสระหว่างค่าย)
  3. เสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงาน สามารถสกปรกได้ และไม่เสียดายทีหลังค่ะ
  4. อุปกรณ์กันแดด หมวก ครีมกันแดด
  5. ถุงมือ และรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้น สำหรับทำงาน
  6. รูปถ่าย หรืออาหารท้องถิ่นของตนเอง (สำหรับมาแลกเปลี่ยนกับผู้ร่วมค่ายคนอื่น ๆ)
  7. สเปรย์กันยุ่ง (กรุณาเลือกอันที่เป็นมิตรกับสิงแวดล้อม)
  8. ไฟฉาย (เลือกแบบที่สว่างมาก ๆ ควรเป็นแบบใช้ถ่าน และควรเตรียมถ่านให้เพียงพอสำหรับการใช้งาน 12 วัน )
  9. ความคิดสร้างสรรค์ เกมส์ เพลง เพื่อความบันเทิงในค่าย
  10. ความคิดด้านบวก มองโลกในแง่ดี และรอยยิ้มที่สดใส
  11. เมล็ดพันธ์ผัก (ถ้ามี)
  12. ของส่วนตัวผู้เข้าร่วมต้องเตรียมเอง (ยาสระผม ผงซักฟอก แป้ง สบู่ )

สิ่งที่ห้ามนำมาในค่าย

  1. สารเสพติด
  2. แอลกอฮอล์
  3. อคติ หรือความคิดด้านลบ

 

ข้ออธิบายเรื่องคาบำรุงสมาคม

เนืองจากสมาคมเป็นองค์กรอิสระ ไม่มีเงินสนับสนุนจากองค์กรภายนอกหรือภาครัฐทางสมาคม จึงขอเรียกเก็บค่าบำรุงสมาคม ซึ่งจะนำมาเป็นค่าอาหาร ค่ากิจกรรมและ ค่าบำรุงสมาคม ในการเข้าร่วมค่าย จำนวน 2500 บาท

  1. กรุณาโอนค่าบำรุงสมาคมภายใน 7 วันทำการหลังได้รับอีเมล์ตอบรับจากทางสมาคมค่ะ หลังจาก 7 วัน ไม่มีการโอนค่าบำรุงทางสมาคมถือว่าท่านยกเลิกใบสมัครคะ ** เว้นแต่ผู้สมัครได้มีการ ติดต่อแจ้งเหตุผลกลับภายในเวลาดังกล่าว **
  2. ทางสมาคมขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าบำรุง หากเหตุผลในการยกเลิก เป็นเหตุผลส่วนตัวของผู้สมัคร แต่ผู้สมัครสามารถเลื่อนเวลาการร่วมค่ายอื่น ๆ ภายในปีเดียวกันได้ แต่หากเหตุผลในการยกเลิกมาจากทางสมาคม สมาคมจะคืนค่าบำรุง
  3. กรุณาส่งสลิปหรือหลักฐานการโอนทางอีเมล์

1.ดาวน์โหลดใบสมัคร http://www.dalaa-thailand.com/wordpress/projects/short-term-thai

2. ส่งใบสมัครมายัง dalaa.thailand@gmail.com

3. รอการตอบรับจากเจ้าหน้าที่

4. หลังได้รับอีเมล์ตอบรับการเข้าร่วม ชำระค่าเข้าร่วมภายใน 7 วัน

ค่าใช้จ่าย : 2500