หาก นับย้อนหลังกลับไปตั้งแต่เริ่มมีองค์กรสาธารณประโยชน์เกิดขึ้นในประเทศไทยจน กระทั่ง ถึงปัจจุบัน สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญ ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอดกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรประเภทนี้คือ ปัญหาการขาดแคลนเงินทุนในการดำเนินการและการไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อ เนื่องจริงจัง

โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในช่วงที่ประเทศต้องประสบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเช่นที่เป็น อยู่ในปัจจุบัน ก็ยิ่งส่งผลทำให้ยอดเงินบริจาคและเงินทุนสนับสนุนที่องค์กรประเภทนี้เคยได้ รับ ยิ่งมีจำนวนลดน้อยลงตามไปด้วย

ปัจจุบัน มีองค์กรสาธารณประโยชน์ในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ยังคงไม่ สามารถพาตนเองให้หลุดพ้นจากกรอบความคิดเชิงพึ่งพิงเงินบริจาคและการสนับสนุน จากภายนอก ซึ่งไม่มีความต่อเนื่องและเป็นแบบเบี้ยหัวแตกนี้ได้  ที่เหลือนอกจากนี้ก็ยังคงยึดติดอยู่กับแนวความคิดเดิมที่ยังคงมองว่า การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมกับการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ เป็นเรื่องที่ต้องแยกออกจากกัน เนื่องจากแนวทางดังกล่าวขัดแย้งกับวัตถุประสงค์หรือภารกิจขององค์กร ในขณะที่อีกบางส่วน แม้จะเห็นด้วยกับแนวคิดการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูตัว เองได้อย่างยั่งยืน แต่ก็ขาดทักษะ ความชำนาญเชิงธุรกิจและการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดเพื่อสังคมนี้

ผม คิดว่าปัญหาการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ เป็นปัญหาที่จะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในระดับกระบวนทัศน์หรือวิธีคิด และในเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงานของภาครัฐ ซึ่งผมได้นำเสนอและผลักดันแนวคิดการดำเนินงานแบบผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Entrepreneur) หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) นี้มาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ด้วยหวังที่จะให้เป็นอีกหนึ่งกลไกสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นการเตรียมรองรับกับปัญหาสังคมที่จะมีความสลับซับ ซ้อนมากขึ้นในอนาคต ซึ่งการใช้กระบวนทัศน์หรือวิธีคิดแบบเดิมอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมี ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลสูงสุด

เพื่อสังคม          แนว คิดแบบผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Entrepreneur) หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ผมกล่าวถึงนี้ เป็นแนวคิดที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนในกระบวนการแก้ไขปัญหาสังคมและ มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำทักษะเชิงธุรกิจมาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมอย่างเฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรที่มีภารกิจเพื่อสังคมเหล่านี้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้อย่าง ยั่งยืนและเข้มแข็ง ด้วยการมุ่งให้เกิดความสำเร็จทั้งในเชิงสังคมและในเชิงธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน

การ ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องได้รับการเปลี่ยนโฉม หน้าใหม่ โดยอาศัยกระบวนทัศน์และวิธีคิดแบบใหม่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสังคมที่มีอยู่และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สามารถทำได้อย่างเข้าถึง เข้าใจและยั่งยืน อันจะนำมาซึ่งสวัสดิภาพและคุณภาพสังคมที่ดีต่อไป

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=421194

ขอขอบคุณภาพจาก: www.siamintelligence.com, www.jellyyjid.blogspot.comwww.nu.ac.th