สันติประชาธรรมเท่านั้นคือวิถีธรรม ที่นำเอาปัญญา กรุณามาใช้ เพื่อพวกเราทุกคน เพื่ออนาคตของเรา และเพื่อมนุษยชาติทั้งหมด… ปาฐกถา นำ “วิถีธรรม นำปัญญา ฝ่าวิกฤติ” โดย ส.ศิวรักษ์ นักคิด นักเขียน และผู้นำทางปัญญาของไทย ในวาระครบรอบ ๓๐ ปี มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือมอส. ภายใต้ชื่องาน “30 ปี มอส.สานศรัทธา สร้างสังคม” เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2553 ณ ห้องประชุมสุจิตตรา ชั้น ๔ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม 

นมัสการ พระคุณเจ้า คุณอัมพร มีสุข กล่าวว่างานอาสาสมัครไม่ได้เป็นของใหม่ในสังคมไทย มองในแง่นั้นก็ถูก แต่ผมจะมองในมุมที่ต่างไป ผมจะมองตั้งแต่เราเปิดประเทศให้ฝรั่งเข้ามาในสมัยราชการที่ ๔ มันมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น ที่สำคัญคือในสมัยราชการที่ ๕ ได้เริ่มสร้างขุนนางราชการขึ้นมา สิ่งที่เรียกระบบการศึกษานั้น เป็นความพยายามสร้างขุนนางราชการขึ้นมารับใช้รัฐ จนกระทั่งองคาพยพอันนั้นมันใหญ่โตเกินกำหนดไปหมดแล้ว ที่กลุ่มเสื้อแดงโจมตีอำมาตย์ทั้งหลาย มันมาจากจุดเริ่มต้นจากราชการที่ ๕ เพราะเราไม่ได้พิจารณาประเด็นนี้ให้ชัดเจน นี่ประเด็นที่หนึ่ง

ส่วน เรื่องอาสาสมัคร พูดอย่างตรงไปตรงมา คนที่มีคุณูปการที่สำคัญที่สุด  คือ “อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์” ที่ทำบัณฑิตอาสาขึ้นมา ซึ่งตอนนั้น อ.ป๋วยก็เรียกผมไปปรึกษาหารือ นี่เป็นความคิดแบบฝรั่ง เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่า VSO (Volunteer Service Overseas) องค์กรอาสาสมัครจากประเทศอังกฤษแล้ว ประธานาธิบดีแคนเนดี้ก็เอาอย่างไปทำ Peace Corps (อาสาสมัครประเทศสหรัฐอเมริกา) ส่วน VSO คนแรกที่ออกไปรับใช้อาสาสมัครนอกจักรภพอังกฤษ ชื่อ “ฟราสซิส คริปส์” เขามาเมืองไทย ทำงานครั้งแรกที่มหาสารคาม แล้วตอนคนที่ตั้ง VSO มาเมืองไทย อ.ป๋วยนัดไปพบที่ธนาคารชาติ จึงคิดจะทำบัณฑิตอาสาขึ้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือมอส. แต่ผมจะไม่เล่ารายละเอียด แต่ผมจะบอกว่ามันโยงกัน 

เรื่อง อาสาสมัครเพื่อสังคมเป็นของใหม่ มีเป้าหมายใจความ คือ อยากจะฝึกคนรุ่นใหม่ให้ทำงานนอกระบบราชการ นอกระบบอำมาตย์ ระบบอำมาตย์มีอะไรดีหลายอย่าง แต่มีข้อเสียคือ มันให้ความมั่นคงกับชีวิตของพวกอำมาตย์มากเกินไป แล้วทีหลังมันมีอภิสิทธิ์มากเกินไป ส่วนอาสาสมัครเพื่อสังคมไม่มีความมั่นคงในชีวิต แต่หากจับหัวใจได้ว่า ความไม่มั่นคงในชีวิตเป็นของดีอยู่แล้ว มันจะเข้าถึงประเด็นเลยครับ มันแก้วิกฤติ

ใน ทางศาสนาพุทธนั้นไม่มีอะไรเป็นความมั่นคงในชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรคงมั่น ตอนหลังเราเป็นฝรั่งมากไปต้องการความมั่นคงในชีวิต ซึ่งมันหาไม่ได้ครับ

คุณ หญิงอัมพรพูดถึงคนสำคัญคนหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตั้งคอส.ก่อนมาเป็นมอส.นั้น “ปีเตอร์ พอน” ซึ่งคนๆ นี้ก็เป็นเรื่องเล่าไปมาก ซึ่งวันนี้จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ อีกคนหนึ่งที่เพิ่งตายจากไปเหมือนกัน แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับเราโดยตรงแต่ก็มีคุณูปการที่สำคัญ คุณหญิงอัมพรเล่าว่า เรามีปัญหากับรัฐบาลสหรัฐ เพราะเป็นจักรวรรดิใหม่ ซึ่งครอบงำไทยอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๐ เป็นต้นมา ซึ่งตอนนี้จักรวรรดิจีนก็ครอบงำสังคมไทยอยู่ และคนที่เป็นคนสำคัญของสหรัฐที่ชี้ให้เห็นการครอบงำของสหรัฐที่สำคัญที่สุด และเพิ่งตายจากไปเมื่อเร็วๆ นี้คือ “ฮาร์เวริ์ด ซิม” ซึ่งผมอยากให้เห็นความสำคัญของ ฮาร์เวริ์ด ซิม

ท่านทั้งหลายมานั่งอยู่ที่นี่ไม่กี่คน  ๓๐ ปี เขาสร้างคนมาไม่กี่คน แต่ฮาร์เวริ์ด ซิม เขาบอก คน ส่วนน้อยนั้นสำคัญที่สุด ถ้าคนจำนวนน้อยเหล่านั้นรวมตัวกัน ผนึกกำลังผนึกความคิดกันในทางสร้างสรรค์ คนจำนวนน้อยนั้นจะเปลี่ยนแปลงโลก 
เพราะฉะนั้นพวกเสื้อแดงวันนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนโลกได้ เพราะเป็นคนส่วนมาก ไม่ใช่คนจำนวนมากอย่างเดียว ยังมีผู้นำไร้คุณภาพ และผู้นำเบื้องหลังที่ฉ้อฉลที่สุด พูดอย่างนี้ต้องแยกแยะให้ชัดนะครับ ประเด็นที่ให้ผมพูด “วิถีธรรมนำปัญญา” หากเราใช้วิถีธรรมต้องรู้ว่า พระพุทธเจ้านั้นทรงสอนให้รู้จักแยกแยะ คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนที่ทำให้เรารู้จักแยกแยะ ถ้าเห็นว่าเสื้อแดงเลว แสดงว่าเราไม่รู้จักแยกแยะ ไปเห็นว่าดีก็ไม่รู้จักแยกแยะ แยกแยะว่าอะไรของเสื้อแดงเป็นของดี  

พวก เสื้อแดงเขาพยายามชี้ให้เห็นเลยว่า อำมาตย์ที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เวลานี้มาถึงทางตันแล้ว มีความฉ้อฉลมากแล้ว ได้กดขี่ราษฎรตาดำๆ ทั่วประเทศมานานแล้ว และที่ราษฎรตาดำๆ เข้ามาใส่เสื้อแดงที่กรุงเทพฯ อย่านึกว่าเขาถูกจ้างมาเพื่อทักษิณและเงินทองเท่านั้น มีคนที่ถูกจ้างมาก็มี คนรับใช้ทักษิณก็มี แต่พวกเสื้อแดงตามต่างจังหวัดที่เข้ามา เขาเป็นตัวแทนของคนยากไร้ ซึ่งถูกอำมาตย์รังแก อย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ หรือจะพูดตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ก็ได้ โดยเฉพาะที่ปัตตานี ถูกรังแกมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ เพราะฉะนั้นหากเราดูประเด็นเหล่านี้ไม่ชัดเจน เราจะพลาด

ประเด็นที่จะให้ผมพูดในวันนี้  “วิถีธรรม นำปัญญา ฝ่าวิกฤติ” ตัวธรรมะตัวนี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ประการแรก เราต้องรู้จักตัวเองก่อน การ ศึกษาที่เรารับมาจากฝรั่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เราสอนให้ฉลาด สอนให้รู้จักข้างนอก โดยเฉพาะสอนให้เคลื่อนย้ายสถานะทางสังคม ด้วยความเคารพ การศึกษาแบบนี้มันให้โทษมากมายที่สุด เพราะสิ่งเดียวที่ไม่ได้สอนคือ ให้รู้จักตนเอง

การ สอนแบบตะวันตก มันเริ่มมาจากปรัชญาสมัยใหม่ของตะวันตก เริ่มจาก เรอเน่ เดส์การตส์ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ที่มักเน้นที่ตัวเอง เน้นที่อัตตา เน้นที่ความเห็นแก่ตัว เขาเติบโตโดยใช้ความคิด เป็นความคิดที่ต้องการเอาชนะผู้อื่น และสัตว์อื่น โดยไม่เคารพธรรมชาติทั้งหมด นี่เป็นพื้นฐานของการศึกษาของตะวันตกที่เรารับมา โดยไม่ได้ถามถึงรากฐานของตะวันตกที่มีความชั่วร้ายมาก ตะวันตกมีอะไรดีหลายอย่างนะครับ แต่กระแสหลักของตะวันตกนั้นมีความชั่วร้ายมาก เป็นมิจฉาทิฐิ และธรรมมะของพระพุทธเจ้าในที่นี่ ต้องรู้จักแยกมิจฉาทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิให้ได้  

เพราะ ฉะนั้นการศึกษาธรรมมะของพระพุทธเจ้าประการแรก ต้องรู้จักตัวเอง และการรู้จักตัวเองที่สำคัญที่สุด คือ การรู้จักลมหายใจที่เราใช้อยู่ทุกวัน ทุกวินาที ซึ่งการศึกษาแบบตะวันตกไม่ได้สอน เราหายใจเอาความเครียดเข้าไป มาดูที่เสื้อแดงหรือเสื้อเหลืองก็ได้ เต็มไปด้วยความเครียด ความเกลียด กูดี-มึงเลว มีการแยกแยะดำ-ขาว มึง-กู

พระ พุทธเจ้าตรัสสอนให้เจริญอาณาปาณะสติ รู้จักหายใจเอาความรักเข้ามา หายใจเอาความรู้ตัวทั่วพร้อมเข้ามา หายใจให้เกิดสติ อันนี้เป็นพื้นฐานของธรรมะ ของวิถีธรรม ตามลมหายใจครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราต้องเชื่อท่านนะครับ แต่ท่านบอกลมหายสำคัญที่สุด หากคุณไม่เชื่อท่าน คุณลองเลิกหายใจสัก ๕ นาทีดูครับ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพราะทรงเจริญสติ จนตัดทิ้งความเห็นแก่ตัวได้ เป็นความไม่เห็นแก่ตัว ที่ปัญญาเกิดเพราะเหตุนี้ครับ

ท่าน ทาไลลามะ  เป็นพระภิกษุพุทธศาสนาที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เสด็จไปทุกแห่งหน ยกเว้นเมืองไทย ประเทศไทยไม่ยอมให้ทาไลลามะเสด็จเข้ามา เพราะเรารังเกียจธรรมมะ แต่ชอบอธรรม เราอยู่ใต้อำนาจของจีน

เดือน ที่แล้วผมจัดแสดงวัฒนธรรมทิเบต  ๕ วัน ๕ คืน ที่ศูนย์วัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ท่านรมต.กษิต ภิรมย์ ที่น่ารักก็ไม่ยอมให้น้องสาวท่านทาไลลามะเข้ามา เช่นเดียวกัน ท่านกษิตก็ไปพูดในรัฐสภาครับ ไม่ยอมให้ชนกลุ่มน้อยที่ตกสำรวจมีสัญชาติไทยครับ อย่างนี้เราต้องให้อภัยกันนะ คนโง่ คนบัดซบต้องให้อภัย แต่บางอย่างที่คนโง่คนบัดซบทำ และถ้าเราสู้ได้เราต้องสู้ครับ ผมอยากให้เราสู้เพื่อคนกลุ่มน้อยชนต่างๆ ที่ตกสำรวจ

เช่น เดียวกันครับ ผมบอกแล้วว่า คอส.(โครงการอาสาสมัครเพื่อสังคม) เกี่ยวข้องกับบัณฑิตอาสา แต่รู้ไหมครับมีอดีตบัณฑิตอาสาท่านหนึ่ง อ.สรพล จรรยางกูล ตอนนี้ไปเป็นอาจารย์อยู่ มศว.ประสานมิตร เขียนบทความทางวิชาการ วิเคราะห์ วิจารณ์ และเสนอแนวทางในเรื่องการสรรหาอธิการบดี แล้วอธิการบดีตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะแทบทุกมหาวิทยาลัยมักทำตัวเป็นเผด็จการ ใครวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ อย่างตอนนี้ที่สุรพลถูกเล่นงาน คอส.ก็ดี บัณฑิตอาสาก็ดี น่าจะทำการประท้วงให้อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น ทางวิชาการได้ อธิการบดีไม่ใช่เผด็จการควบคุม

อย่าง เช่นเวลานี้ ธรรมศาสตร์ก็ให้ทหารไปวิ่งเล่นในธรรมศาสตร์เลยครับ อย่างจุฬาฯก็สั่งปิดมหาวิทยาลัยเลยครับ เพียงเพราะกลัวเสื้อแดงจะเข้าไป อีกนัยยะหนึ่งคือมีความกลัวเป็นเจ้าเรือน มีความขลาดเป็นเจ้าเรือน ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม

ทา ไลลามะท่านรับสั่งว่า สันติภาพในโลกจะมีไม่ได้ เว้นไว้แต่เราทุกคนจะสร้างสันติภาวะในใจตนเอง ท่านบอกว่าแม้จะยากเย็นสุด แต่นี่เป็นหนทางเดียว เป็นการท้าทายที่สำคัญมาก เราพยายามสร้างสันติภาพในโลก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส หรือการปฏิวัติใหญ่สหรัฐ ปฏิวัติรัสเซีย ปฏิวัติใหญ่เมืองจีน ล้มเหลวหมด เพราะใช้ความรุนแรง ใช้ความเกลียด ใช้ความโลภ โกรธ หลงเป็นเจ้าเรือน ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้ความรักเป็นเจ้าเรือน ฝึกตัวเราให้มีสันติภาวะในใจ ไม่เกลียดใครๆ ทั้งสิ้น

ตอน นี้เราลืมไปนะครับ  พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าพรหมวิหารธรรม เป็นธรรมสำหรับผู้เป็นใหญ่  ผู้เป็นใหญ่ได้จะต้องเจริญพรหมวิหารธรรม หากเราประพฤติปฏิบัติตามนี้ เราจะเข้าถึงตัววิถีธรรม เมตตาเป็นความรักพื้นฐาน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก รักตัวเราเองก่อนครับ แต่ไม่ใช่หลงตัวเราเอง รักให้ถูกต้อง รู้จักให้ร่างกายเหมาะสมกับจิตใจ ให้เหมาะสมกับเพื่อนร่วมงาน เหมาะสมกับธรรมชาติ นี่คือ “เมตตา”

“กรุณา” นั้น ต้องรักผู้ที่เดือดร้อนยิ่งกว่าเรา บางทีเรานี่เป็นต้นเหตุให้เขาเดือดร้อน ที่เราใช้น้ำมากๆ ต้องสร้างเขื่อนมากๆ เขื่อนอยู่ที่ไหน คนอยู่แถวนั้นเขาเดือดร้อน “กรุณา” ต้องลงไปเรียนจากข้างล่าง ไม่ใช่ไปสอนเขา ไปเรียนจากเขา และบางอย่างเขาจะเรียนจากเรา กรุณาคือไปร่วมทุกข์กับคนที่เดือดร้อนยิ่งกว่าเรา อย่างพวกอาสาสมัครทั้งหลาย เมื่อเราไปร่วมทุกข์กับคนข้างล่าง เราจะถูกรังแก ดูอย่างมด-วนิดา ดูอย่างหลายคนเป็นตัวอย่าง เมื่อเราถูกรังแก เมื่อเป็นเช่นนี้เราต้องเจริญ “มุทิตา” ครับ ต้องไม่เกลียดคนที่รังแกเรา ไม่ใช่ของง่ายนะครับ ผมยังเข้าไม่ถึงขั้นนี้ แม้จะพยายามทำแล้วก็ตาม ต้องไม่เกลียดคนที่ทำร้ายเรา คนที่กดขี่เราจากข้างบน บางทีเพื่อนฝูงเราเอง มันเหยียบเรา ต้องไม่เกลียด

เมื่อ เป็นเช่นนี้  เมื่อเจริญเมตตา กรุณา  มุทิตาได้ “อุเบกขา” ถึงจะเกิด เราไปเข้าใจว่าอุเบกขาคือการวางเฉยไม่ทำอะไรเลย อันนั้นไม่ใช่อุเบกขา เรารู้จักว่า ตอนนี้เราจะใช้เมตตา ตอนนี้เราจะใช้กรุณา ตอนนี้เราจะใช้มุทิตา อุเบกขาต้องรู้ว่าการตัดสินใจทำอะไรแต่ละครั้งมันเกิดจากตัว “อคติ ๔” คลุมอยู่ จะตัดสินว่าเรารัก หากรักเสื้อเหลือง เสื้อเหลืองทำอะไรก็ได้ หากชังเสื้อแดง พวกเสื้อแดงทำอะไรผิดหมด หรือเพราะกลัว สังคมไทยแตะเบื้องบนไม่ได้เลยครับ เพราะกลัว เบื้องบนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ แม้แต่พวกเสื้อแดงก็ไม่ได้แตะต้อง พูดอย่างมากก็แค่อำมาตย์เท่านั้นเอง สิ่งที่อยู่เบื้องบน หรืออยู่หลังฉากอำมาตย์ละครับ เพราะเราถูกสะกดให้กลัว

หากเราสามารถเข้าใจ  ประยุกต์พรหมวิหารธรรมเอามาใช้ปราบอคติให้ชัดเจน แก้ไขให้ได้ อันนี้แหละครับตัวปัญญาจึงจะเกิด ปัญญาคือรู้จักมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง และ ตัวปัญญาตัวนี้จะช่วยให้เรามองทะลุปรากฏการณ์เข้าไป เช่นเดียวกับตัวเรา อย่าไปติดที่ตัวเรา ให้เห็นว่าตัวเราก็เป็นสมมติบัญญัติเท่านั้นเอง อย่าไปหลง เพราะเช่นนั้นต้องเอาศักยภาพของตัวเรามาใช้เพื่อประโยชน์ของคนอื่นได้มาก เท่าไหร่ ลดความเห็นแก่ตัวได้มากเท่าไหร่ ปัญญามันจะเกิดเป็นแสงสว่าง ไม่มีแสงสว่างใดยิ่งกว่าปัญญา เมื่อปัญญาเกิด สว่าง มองเห็นชัดเจน ไม่เห็นว่าเสื้อแดงเป็นศัตรู ไม่เห็นใครเป็นศัตรู เห็นแต่มิตรทั้งหมด ทุกคนมีข้อบกพร่อง เราเองก็มีข้อบกพร่อง เมื่อเรามีความเห็นแก่ตัว ลดน้อยลงเท่าไหร่ เมื่อนั้นปัญญาก็จะกลายเป็นความกรุณา ความสว่าง ความเห็นชัดเจนก็จะควบคู่ไปกับความรัก ผมเห็นว่าเมืองไทยเวลานี้ต้องแก้ปัญหาด้วยความรัก ควบคู่ไปกับความรู้ ผมว่าถ้าใช้ประเด็นนี้เป็นหลัก วิกฤติต่างๆ แก้ได้ทั้งนั้น

อย่าง ปัญหาเสื้อเหลืองเสื้อแดงยังแก้ได้ แก้ได้ด้วยปัญญา รัฐบาลไม่ได้ใช้ปัญญาเลย คุณอภิสิทธิ์เป็นคนน่ารักนะครับ เป็นคนที่เล่นละครเก่ง เป็นผลผลิตของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่ไม่เข้าใจประชาชนเลย และเป็นพรรคที่เข้ามามีอำนาจด้วยการทำลายประชาธิปไตย ด้วยการทำลายอ.ปรีดี พนมยงค์ และเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปครับ พรรคประชาธิปัตย์บอกว่ามีการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอประทานโทษครับ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย แต่ไม่ได้สอนให้เกลียดเขานะครับ แต่สอนให้เข้าใจเขา

แล้ว ถ้าเรื่องนี้ถ้าพวกเสื้อแดง  หรือพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคการเมืองอื่น มีใครสักคนที่ปัญญา ซึ่งเราก็มีโอกาสที่จะช่วยเขาได้ การเจรจารัฐบาลกับเสื้อแดง มาพูดอย่างเดียวว่า ยุบสภาๆ มันด้วยอวิชชา เป็นคำพูดของคุณทักษิณ แต่หากคุยกันว่า เราจะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง เปลี่ยนให้คนไร้สิทธิต่างๆ มีสิทธิได้ไหม เปลี่ยนให้คนสลัมต่างๆ เขามีบัตรประชาชนได้ไหม ให้ยายหน่อย ยายกระรอก คนประจวบคีรีขันธ์ สามารถรักษาประจวบคีรีขันธ์ให้เป็นดินแดนที่น่ารัก ดินแดนที่ปลอดมลพิษได้ไหม คนมาบตาพุดที่ต่อสู้แล้วจนชนะมา ๒ ศาลแล้ว รัฐบาลจะมาร่วมมืออย่างไรกับราษฎร และพ่อค้าทั้งหลายด้วยครับ พ่อค้าทั้งหลายมีสิทธิ์ที่จะเจริญพานิชยการ แต่ต้องไม่เจริญพานิชยการด้วยการเอาเปรียบธรรมชาติ และราษฎรทั้งหลายด้วยครับ อันนี้ละครับปัญญาจะเกิด  

ท่าน ทั้งหลายท่านมองสิ่งทั้งหลายทั้งปวงด้วยปัญญา มีความเห็นแก่ตัวน้อย หวังผลระยะสั้นระยะยาวด้วยท่าทีที่ถูกต้อง แบบนี้แหละครับเราจะสามารถเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส วิกฤติ หรือ In crisis มันมาจากภาษากรีก ออกเสียงเหมือนกัน แต่ภาษากรีกใช้ตัว K แทน C ส่วนในภาษาอังกฤษ มันแปลว่า เป็นโอกาสด้วย เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสได้ ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ท่านพูดอยู่เสมอ ถ้าเรารู้จักเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส รู้จักวางท่าทีให้ถูกต้อง เราแก้ไขได้หมด

พระ พุทธเจ้าตอบว่า การแสวงหาสัจธรรม คืออริยสัจสี่นั่นเอง ตัววิกฤติที่สำคัญที่สุดคือทุกขสัจ ตัวความทุกข์นั่นเอง เราแต่ละคนมีความทุกข์ สังคมมีความทุกข์ สิ่งแวดล้อมธรรมชาติมีความทุกข์ มันมาจากไหน สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ คือความโลภ โกรธ หลง เวลานี้มันคลุมในทางทุนนิยม บริโภคนิยม ที่เป็นตัวโลภะ มันคลุมในทางอำนาจนิยม จักรวรรดินิยมคือตัวโทสะ และตัวโมหะมันทำให้หลงคือพวกสื่อมวลชนทั้งหมด การศึกษาทั้งหมด หากเราตีประเด็นนี้ให้ชัด เราก็จะเข้าหานิโรธ ดับทุกข์ ดับวิกฤติได้

และ ธรรมของทาไลลามะโดยย่อ คือศีล ความเป็นปรกติ สมาธิ ต้องเจริญสติ ลดความเครียด ลดความเกลียด จากคนจำนวนน้อย รวมตัวกันเป็นกัลยาณมิตร และรวมตัวกัน เราทำได้รวมพลังกันเหมือนฮาร์เวริ์ด ซิม กล่าว เราทำได้ครับ

ผม เคยพูดกับพระพม่า  ผมมีกิจกรรมในประเทศพม่ามา ๑๐ ปีแล้ว พระพม่าเคยบอกกับผมว่า ท่านว่าไม่สามารถสู้กับเผด็จการทหารได้ เพราะมีอดีตกรรมวิบากผลมา ต้องได้รับผลแบบนั้น ผมบอกว่าพระคุณเจ้าเข้าใจเรื่องกรรมผิด ผมชอบสอนพระนะครับ และพระอื่นชอบมาฟังเสียด้วย พระพุทธเจ้าบอกว่า วิบากกรรมทั้งหลายแก้ได้หมด เพราะกรรมเกิดจากเจตนา ถ้าเราเห็นรัฐบาลเผด็จการเป็นของเลวร้าย เราต้องแก้ตัวเรา ให้มีมิตรไมตรี ให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง แล้วเราสามารถสู้กับเผด็จการทหารได้ ถ้าพระพม่าออกมาต่อต้านเผด็จการพม่า ท่านสวดกรณีเมตตาสูตรตลอดเวลา กรณีเมตตาสูตรมีความว่า “มารดาพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อลูกน้อยคนเดียวในตนฉันใด พึงเจริญเมตตาเพื่อผู้อื่นให้เป็นผลสำเร็จฉันนั้น ท่านถูกถีบ กระทึบ ถูกฆ่า ถูกทรมาน ท่านทนได้ไง ในขณะที่ผมเชื่อมั่นในพระพม่า ส่วนพระไทย พร้อมจะเข้าวังอย่างเดียว พระไทยไม่ยินดีที่จะฉันในสลัมครับ และในวันหนึ่งพระไทยเห็นพระพม่าเป็นตัวอย่างแล้วจะดี ก็จะมีการเริ่มเปลี่ยน

เช่น เดียวกับทิเบตถูกจีนข่มเหง ผมว่าจีนเองก็จะเปลี่ยน จีนนับถือศาสนาพุทธมาเป็นพันปี มีเล่าจื้อ มีขงจื้อ แต่คนจีนถูกปิดบังไม่ให้เข้าถึงสัจจะ แต่คนจีนทุกวันนี้ ทราบสัจจะมากขึ้น และเริ่มสนใจศาสนาพุทธมากขึ้น เพราะทุกคนต้องการแสวงหาสัจจะ

เมือง ไทยมีการปิดกั้นสัจจะเหมือนกัน หนังสือดีๆ หลายเล่มถูกสั่งห้ามเข้าตีพิมพ์เผยแพร่ในเมืองไทย แต่มันเข้ามาขายในเมืองไทยหมดแล้วนะครับอีกนัยหนึ่งสัจจะนั้นปิดกั้นไว้ไม่ได้ แล้วถ้าเราเอาสัจจะมาใช้โดยอหิงสธรรม ดังที่มหาตมคานธีใช้มาแล้ว อำนาจ ของสัจจะ อันนี้ละครับอหิงสาทำลายอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้นคือ จักรวรรดิอังกฤษ เพราะฉะนั้นเราจะทำลายจักรวรรดิไทย ที่เดินตามจักรวรรดิอเมริกา จักรวรรดิจีน เราต้องใช้สัจจะ แต่ต้องใช้อหิงสธรรมควบคู่ไปด้วย

ผมเชื่อเลยครับ  ใครเป็นอาสาสมัครมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ทำ งานโดยมุ่งสัจจะเป็นพื้นฐาน มีเวลาฝึกให้รู้จักตนเอง สร้างกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน อย่ามองเห็นใครเป็นศัตรู มองทุกคนเป็นมิตร อันนี้ละครับจะเป็นจุดยืนที่ท่านทั้งหลายเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลง สังคม 

ผมอยากให้ท่านทั้งหลายมองไปรอบๆ  จะเห็นแต่อะไรเลวร้าย เสื้อแดง เสื้อเหลือง การเอารัดเอาเปรียบ แต่ถ้ามองในอีกแง่ เมืองไทยเป็นเมืองเดียวในเอเชียอาคเนย์ที่มีพลังของประชาชนยิ่งใหญ่ที่สุด สมัชชาคนจนยิ่งใหญ่ที่สุด ขบวนการอาสาสมัครของเรายิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่ไม่มีข้อบกพร่อง หากเราสำรวจรู้จักข้อบกพร่องก็แก้ไขเสีย ผมว่าเราจะเดินไปข้างหน้า ในทางสัจจะ ในแนวทางสันติ สมกับที่ท่านป๋วย ท่านฝันเอาไว้ สันติประชาธรรม สันติประชาธรรมเท่านั้นคือวิถีธรรมที่นำเอาปัญญา กรุณามาใช้ เพื่อพวกเราทุกคน เพื่ออนาคตของเรา และเพื่อมนุษยชาติทั้งหมด ขอบคุณมากครับ