“แค่ สำรวจก็รู้เห็นความเปลี่ยนแปลง…นอกจากได้สำรวจป่าแล้ว ฉันยังได้สำรวจหัวใจของตนเอง” สำรวจป่า…สำรวจใจ โดย “สนิมเดินทาง” รายงานตรงจากป่าชุมชนหนองเยาะ จ.สุรินทร์ กันยายน 2553 

ฉัน อยู่ที่นี่ ที่ๆ มีต้นไม้อยู่รวมกันมากมาย มีหลากหลายชนิด หลากหลายพันธุ์ เปลือกของต้นไม้ดูเหมือนจะบอบบางแต่ก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่จะคอยโอบ อุ้มแก่นไม้ไว้ข้างใน ใบไม้หลากสีสันที่ถูกแต่งแต้มด้วยจิตกรฝีมือเอกที่เรียกว่า “ธรรมชาติ” ณ ที่แห่งนี้ที่ที่เรากำลังย่ำเดินเข้าไปคือป่า ป่าของชุมชน ป่าของชาวบ้าน “ป่าชุมชนหนองเยาะ”

ป่า ชุมชนหนองเยาะ  มีเนื้อที่ ๑,๕๒๗ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ๒ ตำบล คือ ตำบลพระแก้วและตำบลตาคง อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ป่าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกบุกรุกด้วยต้นยูคาลิปตัส ป่าที่เคยมีคนบอกว่าเป็นป่าเสื่อมโทรมต้องเร่งจัดการและฟื้นฟู แต่วิธีจัดการของเขากลับเลือกการจัดการโดยการยัดเยียดต้นยูคาลิปตัส พืชเชิงเดี่ยวที่ถูกโฆษณาชวนเชื่อว่า สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่กลับทำลายความหลากหลายอันเป็นคุณค่าที่เอื้อประโยชน์ต่อวิถีชีวิตของคนใน ชุมชน ต้นยูคาลิปตัสได้เข้ามาในป่าธรรมชาติที่ชุมชนพึ่งพาอาศัยหาอยู่หากิน ชาวบ้านจึงลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อที่จะบอกว่าการกำหนดและวางแผนอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับชุมชน ชาวบ้านต้องมีส่วนร่วมรับรู้และกำหนดอนาคตด้วยตนเอง โดยเฉพาะอนาคตของผืนป่าแห่งนี้

วันนี้ เท้าหลายสิบคู่  เรียงแถวตามแนวเส้นทางเดินที่คุ้นเคยในป่า หลายคนถูกชักชวนให้เข้าป่า เพื่อสำรวจดูความงดงามและชนิดพันธุ์ของต้นไม้ในป่าที่ได้ช่วยกันดูแลรักษา และฟื้นฟู จนเห็นถึงความหลากหลาย ยิ่งวันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีชาวบ้านหน้าใหม่ ๆ มากันหลายคน อาจเพราะด้วยความสนใจเป็นทุนเดิมและได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกันมาต่อเนื่อง วันนี้จึงดูหนาตาต่างจากวันก่อน ๆ ที่จะมีเพียงผู้เฒ่าไม่กี่คน ที่ลัดเลาะป่าสำรวจตรวจตราอย่างไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย

เรา เดินเท้าสำรวจป่าไปเพียง ๑ กิโลเมตร เสียงตะโกนจากกลุ่มด้านหลังสุดที่เป็นผู้จดบันทึกชื่อและชนิดพันธุ์ไม้ก็บอก ว่า ตอนนี้ต้นไม้ที่พบได้ ๓๒ ชนิด นี่แค่เฉพาะแนวเส้นทางเดินสำรวจเท่านั้น พันธุ์ไม้ที่พบยังสร้างความตื่นเต้นให้ฉันไม่น้อย นี่ถ้าหากเราเรียงหน้ากระดานเท่าจำนวนที่มาวันนี้ เชื่อว่าพันธุ์ไม้ที่เราพบคงมีจำนวนมากเป็นเท่าตัว

นอก จากพันธุ์(พรรณ)ไม้ที่ได้พบแล้ว  ยังได้พบเห็ดหลายชนิด เช่น เห็ดปลวก, เห็นน้ำหมาก, เห็ดถ่าน, เห็ดหำพระ, เห็ดตะไคร้, เห็ดโคน ฯลฯ วันนี้มีเซียนหาเห็ดมาสำรวจป่าด้วยหลายคน ฉันจึงได้เรียนรู้เรื่องเห็ดไปด้วยในตัว

ร่องรอยตอไม้ที่ถูกตัดเห็นเป็นระยะตามเส้นทางเดินสำรวจ  พ่อเทือง เสมอดี กรรมการป่าชุมชนหนองเยาะ  ผู้นำทางบอกว่า

“มติ ชาวบ้านอนุญาตให้สามารถตัดไม้กระถินณรงค์ ต้นยูคาฯใช้ได้ตามความจำเป็น เพราะไม่ใช่ไม้ธรรมชาติ และต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่า”

เพื่อ เป็นการควบคุมการใช้ไม้ในป่าชุมชนเช่นเดียวกับไม้ธรรมชาติที่กำลังฟื้นตัว อยู่ ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะขออนุญาตนำไปใช้ในงานส่วนรวมไม่ว่าจะเป็นงานวัด งานบุญ หรือทำคอกสัตว์เลี้ยง แต่ก็มีบ้างที่มีการลักลอบตัดไม้ ซึ่งปัจจุบันก็มีเพียงเล็กน้อย เพราะทุกคนเริ่มตระหนักร่วมกันในการดูแลรักษาป่าเอาไว้ ในรอบหนึ่งปีจะมีการประกาศปิดป่าช่วงกรกฎาคม-กันยายน จะไม่อนุญาตให้ตัดไม้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนั้น เพื่อให้ต้นไม้ในป่าได้ฟื้นตัวและรักษาระบบนิเวศในป่าเอาไว้ เมื่อป่าถูกใช้งานมากๆ ก็ต้องให้ป่าพักบ้างเหมือนกับคนเรา…

มี สมุนไพรหลายชนิดในป่าหนองเยาะ  ที่หมอยาหรือชาวบ้านที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรในชุมชน ได้นำไปใช้ประโยชน์ดูแลการรักษาตนเอง และคนในชุมชนอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ต้นเหมือดแอ, ต้นเปราะ, ผัดเป็ดแดง, ส่งดง, พังคี ฯลฯ แต่สมุนไพรที่กระตุ้นให้ผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่ของคณะสำรวจรีบวิ่งไปดูกัน ใหญ่ หลังจากที่มีเสียงตะโกนบอกชื่อสมุนไพรชนิดนี้ คือ ต้นโด่ไม่รู้ล้ม คุณสมบัติคงไม่ต้องบรรยาย บางคนก็ได้แค่แอบมองอยู่ไกลๆ เพราะได้ยินเสียงแซวอออกมาว่า

“ไอ้พวกรีบไปดูไม่บอกก็รู้ว่าจะไปดูเอาไปทำไม” เรียกเสียงหัวเราะดังไปทั้งป่า และคนที่รีบวิ่งเข้าไปดูก็ถอยกรูกันออกมาอย่างรวดเร็ว

พันธ์ ไม่ที่ปรากฏอีกอย่างในวันนี้ คือ “ผีผ่วน” ผลไม้ป่าชนิดหนึ่ง ลักษณะลำต้นเป็นเครือ มีเปลือกสีแดง มีเมล็ดเล็กๆ สีดำ เนื้อในสีขาวใส รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ออกผลสีแดงเต็มป่า

แม้ ว่าจะคล้อยบ่ายแล้ว แต่สีหน้าและท่าทางคณะสำรวจยังดูสดใส  หยอกล้อกันไปมา เสียงนับจำนวนพันธุ์ไม้ยังแข็งขันได้ยินอยู่ตลอดเส้นทาง จำนวนต้นไม้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ขา ฉันเริ่มล้าเมื่อเดินมาได้ประมาณ ๒ กิโลเมตร รู้สึกเหนื่อยมากเหงื่อไหลเต็มตัว แต่จะแสดงออกให้ชาวบ้านเห็นได้อย่างไร ยังสู้เดินตามหลังไปไม่ปริปากบ่นสักคำ ได้ก็แต่รสเปรี้ยวๆ ของผีผ่วนเป็นยาดีให้รู้สึกหายเหนื่อยได้บ้าง

ระยะ ๒.๘ กิโลเมตร ที่สำรวจในวันนี้ พันธุ์ไม้ที่พบมีมากถึง ๖๒ ชนิด สภาพคณะสำรวจแต่ละคนเมื่อมาถึงจุดนัดหมายก็เหงื่อไหลเต็มตัว ดูอ่อนล้ากันทุกคน แต่ยังมีอารมณ์หยอกล้อกันไม่หยุด มีแต่ความครื้นเครงสนุกสนาน หลังพักเหนื่อยกันแล้ว ก็ได้พูดคุยความรู้สึกในการสำรวจป่าวันนี้ สิ่งที่ทุกคนเห็นเหมือนกันก็คือ ความเปลี่ยนแปลงของป่าที่มีการฟื้นตัวมากขึ้นจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา ต้นไม้ต้นสูงใหญ่ขึ้น ต้นเล็กๆ ก็พร้อมจะเจริญเติบโต ฉันเห็นแววตาของผู้เฒ่าหลายคน ที่สื่อออกมาเป็นความหวังว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับลูกหลานต่อไปในอนาคต

“วันนี้นอกจากได้สำรวจป่า ฉันยังได้สำรวจหัวใจของตนเอง” 

ฉัน ได้เรียนรู้ว่าป่ามีพันธุ์ไม้อะไรบ้าง สิ่งที่พบคือความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เห็ด ผลไม้ป่า สมุนไพร ฯลฯ เมื่อเราดูแลรักษาและจัดการอย่างเหมาะสม และเฝ้าระวังอย่างดี แม้จะใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างคุ้มค่า ซึ่งมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคนในชุมชน

ส่วน ใจฉันก็ได้เรียนรู้ว่าอารมณ์ ความรู้สึกตนเอง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต หากแต่บางครั้งก็หลงลืมที่เรียนรู้ตนเองในบางขณะ เพราะมีปัจจัยภายนอกทำให้เกิดความหวั่นไหว เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มขึ้น เราก็มีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราคงต้องคอยเฝ้าสังเกตอารมณ์ความรู้สึกตนเองให้ได้ คงเป็นแบบเดียวกันกับผู้เฒ่าที่เฝ้ามองและสังเกตการณ์เปลี่ยนในแต่ละครั้ง ที่ก้าวเท้าเข้าไปป่า

และ สิ่งที่ฉันได้เหมือนกันระหว่างสำรวจป่าและสำรวจใจ  คือ การเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าการเปลี่ยนนั้นจะส่งผลอย่างไรก็ตาม แค่สำรวจเราก็รู้ว่ามีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงไป…