มนุษย์ ทุกคนล้วนมีคุณธรรมความดี รวมทั้งมีเมตตากรุณาอยู่ในจิตใจ เราจะรู้สึกเห็นใจและอยู่เฉยไม่ได้เมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์ ทันทีที่มีโอกาสก็จะเข้าไปช่วยเหลือให้เขาพ้นทุกข์ แม้จะต้องประสบกับความเหนื่อยยากก็ตาม ดังเราได้เห็นคนไทยนับไม่ถ้วนพร้อมเพรียงกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ เมื่อ ๖ ปีก่อน

ใจที่พร้อมหวั่นไหวและเห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่น คือใจที่ไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา หรือยึดติดในฝักฝ่ายใด ๆ หากเห็นทุกคนเป็นเพื่อนมนุษย์ที่รักสุขเกลียดทุกข์เช่นเดียวกับเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขึ้นมา เมตตากรุณาก็จะถูกปิดกั้น ทำให้ไม่รู้สึกรู้สากับความทุกข์ของผู้อื่น กลับยินดีด้วยซ้ำหากผู้นั้นอยู่คนละฝ่ายกับตน

การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายนั้นสามารถกัดกร่อนมโนธรรมสำนึกและลดทอนความเป็น มนุษย์ในตัวเรา จึงต้องระมัดระวังและรู้เท่าทันมิให้มันครองใจเรา หาไม่แล้วเราจะกลายเป็นผู้มีจิตใจแข็งกระด้าง เฉยชาแม้เห็นผู้อื่นมีความทุกข์อยู่ต่อหน้า

การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเกิดขึ้นเมื่อเราเลือกมองเห็นแต่ความแตกต่างในตัวผู้ อื่น ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง เราทุกคนมีความเหมือนมากกว่าความต่าง ทุกคนมีพ่อแม่พี่น้อง อยากเป็นคนดีมีความสุข เคยประสบความพลัดพรากสูญเสีย รักชาติบ้านเมือง ฯลฯ หากเราหันมามองเห็นความเหมือนของกันและกันให้มากขึ้น ใส่ใจกับความแตกต่างให้น้อยลง เราจะรักและเอื้ออาทรกันมากกว่านี้

ความแตกต่างบางอย่างติดตัวมาแต่กำเนิด เช่น เชื้อชาติ ผิวสี แต่ความแตกต่างบางอย่างเป็นสิ่งที่ตามมาภายหลัง หรือเป็นการตัดสินใจเลือกเอง เช่น ความแตกต่างทางความคิด ความแตกต่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดย เฉพาะในยุคโลกาภิวัตน์ ดังนั้นแทนที่จะปฏิเสธมัน เราจึงควรเกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง เช่น มีขันติธรรม ได้แก่ความใจกว้าง ยอมรับความแตกต่างทางความคิดเห็น รวมถึงการเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น หรืออย่างน้อยก็เคารพในสิทธิของเขาที่จะแสดงความคิดเห็นต่างจากเรา

ขันติเป็นธรรมที่ช่วยให้ความแตกต่างไม่ลุกลามเป็นความแตกแยก แต่จะดียิ่งขึ้นหากมีจาคะเข้ามาเสริม ได้แก่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ พร้อมรับฟังความทุกข์และความต้องการของผู้อื่น จาคะมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องสมานใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกันแม้จะมี ความเห็นแตกต่างกันก็ตาม อย่าว่าแต่คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนบ้านเลย แม้แต่ศัตรู เราก็สามารถชนะใจหรือเปลี่ยนเขามาเป็นมิตรได้ด้วยการให้อย่างบริสุทธิ์ใจ

ในยามที่บ้านเมืองมีความเหลื่อมล้ำอย่างมากระหว่างกลุ่มชน จาคะจะช่วยลดช่องว่างในบ้านเมือง และทำให้ผู้คนเป็นมิตรกันมากขึ้น แต่จาคะในที่นี้มิได้หมายถึงการบริจาคเงินให้แก่คนยากจนเท่านั้น ที่สำคัญก็คือการแบ่งปันโภคทรัพย์และประโยชน์สุขให้แก่ผู้คนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการกระจายโอกาสให้ผู้ยากไร้ได้เข้าถึงทรัพยากรและปัจจัยในการดำรง ชีวิตมากกว่านี้

คนไทยจะมีความสามัคคี มีใจเป็นหนึ่งเดียว หากขันติและจาคะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทั้งในระดับบุคคลและระดับ สาธารณะ ยิ่งมีสัจจะคือความซื่อสัตย์สุจริต และทมะ อันได้แก่การฝึกฝนตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา ก็จะทำให้สามัคคีธรรมของคนไทยมีความมั่นคงแน่นหนา เพราะการเบียดเบียนทำร้ายกันทั้งด้วยคำพูดและการกระทำจะลดน้อยลง ช่วยให้ผู้คนมีน้ำใจไมตรีต่อกันมากขึ้น

สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ รวมกันเป็น “ฆราวาสธรรม” นอกจากเป็นธรรมสำหรับการครองเรือนแล้ว ยังเป็นธรรมสำหรับการประคองบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤต จนบังเกิดความสงบร่มเย็นได้ในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล
บทความที่ลงในหนังสือไดอารี่ Walk together hand in hand
ที่มา http://www.visalo.org/article/peaceHandinHand.htm