หลายคนเห็นหน้าตาบ๊องแบ๊วของลูกสุนัขตามร้านขายสัตว์เลี้ยงก็อดที่จะซื้อ มันมาเลี้ยงดูหวังให้เป็นเพื่อนคู่ใจไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกสุนัขเหล่านั้นได้เติบใหญ่ พร้อม ๆ กับความน่ารักน่าเอ็นดูที่ลดน้อยลง เจ้าของหลายคนกลับตัดสินใจทิ้งพวกมันไว้ข้างถนนราวกับว่า พวกมันไร้ซึ่งหัวจิตหัวใจ ทำให้ประชากรสุนัขจรจัดล้นเมืองหลวงอย่างเช่นทุกวันนี้ และภาพดังกล่าวก็ทำให้หญิงคนหนึ่งทนเห็นต่อไปไม่ได้ จึงได้อุปการะสัตว์เลี้ยงสี่ขาที่ถูกทิ้งขว้างเหล่านี้

..ภายใต้โรงเรือนไม้ซึ่งกั้นเป็นคอกบนพื้นที่รกร้างท้ายซอยลึกแห่งหนึ่งใน เมืองกรุง ผู้หญิงคนหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงของสุนัขกว่าครึ่งพันชีวิต นั่นเป็นสัญญาณว่า เธอจะต้องมาให้อาหารพวกมันแล้ว ทุก ๆ เช้า หญิงใจบุญคนนี้จะต้องดูแลสุนัขจรจัดซึ่งเธออุปการะไว้ไม่ต่ำกว่า 500 ตัว หลายคนอาจจะคิดว่า เธอคงเป็นเศรษฐินี หรือมีรายได้มากโข จึงได้รับเลี้ยงเพื่อนสี่ขามากมายขนาดนี้ หากแต่ความจริงคือสิ่งตรงกันข้าม เธอเป็นเพียงแค่สาวบาร์ที่ทำงานตอนกลางคืนคนหนึ่งเท่านั้นเอง…

คนเราเมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องอาบน้ำ ทานข้าว ออกไปทำงาน แต่สำหรับ “ฟ้า ฟารีดา เยาวะนิจ” เธอตื่นขึ้นมาตอนตี 5 ครึ่ง พร้อมกับภาระหน้าที่เพื่อเพื่อนสี่ขา ทุกวัน เธอจะหาข้าว หานม ให้บรรดาสุนัขจรจัดได้กินอิ่มท้อง พร้อมจัดการอาบน้ำให้วันละ 10-20 ตัว โดยมีน้องสาว และน้องสะใภ้เข้ามาช่วยเหลืออีกแรง เหน็ดเหนื่อยอยู่เกือบครึ่งวัน ก็ได้เวลานอนพักเอาแรงสักนิด ก่อนจะยกกระสอบอาหารที่หนักกว่า 20 กิโลกรัม ไปเทใส่รางในคอกให้เพื่อนร่วมโลกหลายร้อยชีวิตได้ทานอีกครั้ง และจัดการเรียกลูก ๆ คำที่เธอใช้เรียกแทนสุนัข มาหาเห็บ โรยแป้ง จนเสร็จสรรพ เมื่อทุกตัวอิ่มได้ที่ ก็ได้เวลาที่ “ฟ้า ฟารีดา” จะได้ทานข้าวมื้อแรกของวันบ้างในช่วงเวลาค่อนบ่ายโมง

ทานข้าวเสร็จแล้วแทนที่จะได้นั่งพักสบาย ๆ “ฟ้า ฟารีดา” ลุกขึ้นมาทำความสะอาดคอกสุนัขอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้พวกมันติดเชื้อโรค แม้จะเหนื่อยแต่ก็ต้องทำ กว่าที่การดูแลพวกมันจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่มแล้ว และนี่ก็คือเวลาที่ ฟ้า จะออกไปหาเงินเลี้ยงตัวเอง และเหล่ากองทัพสหายข้างกาย

“จริง ๆ เวลาเข้างานคือ 6 โมง แต่บางทีตรงนี้เรายังทำไม่เสร็จ ก็เข้าช้าหน่อย ทางร้านก็เข้าใจ แต่ก็หักเงิน” ฟ้า บอกอย่างเรียบ ๆ และบอกด้วยว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะทุ่มเทอะไรขนาดนั้นหรอก แต่มันเป็นหน้าที่ไปแล้วว่าเราต้องหาให้เขากินทุกวัน ต้องมีให้เขากิน”

การดูแลเหล่ากองทัพสี่ขา ไม่ใช่แค่เลี้ยงดูให้อาหารเท่านั้น แต่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจรายละเอียดมากเป็นสองเท่า อย่างแม่ฟ้าของลูก ๆ สี่ขา เธอสามารถจดจำพวกมันได้หมดทุกตัว ตัวไหนป่วย ตัวไหนพิการ หรือตัวไหนถูกส่งมาในสภาพที่ย่ำแย่ เธอจะแยกไว้ เพื่อดูแลเป็นพิเศษ และเอาใจใส่พวกมันอย่างเต็มกำลังที่สาวบาร์คนนี้จะทำได้ และหลายตัวก็มีอาการดีขึ้นภายใต้สองมือที่เธอดูแลอยู่

“มีอยู่ตัวนึงเคยป่วยหนักมาก หมอบอกให้ทำใจแล้วนะ แต่เราไม่…ไม่ทำใจ เราต้องทำเต็มที่ ดูแลเขาเต็มที่ เอากลับมาให้ยาให้น้ำเกลือเองเลยเช้า-เย็น สุดท้ายปรากฏว่า รอด” ฟ้า เล่าถึงเคสปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเพราะความรักและความเอาใจใส่ที่เธอมีให้

แม้แต่เรื่องอาหาร ฟ้า ฟารีดา ก็ใส่ใจไม่แพ้เรื่องอื่น เพราะรู้ดีว่า หากให้แต่อาหารเม็ดอย่างเดียว พวกมันคงจะเบื่อ บางมื้อจึงได้ทำเมนูพิเศษอย่างข้าวต้มกระดูกหมู ที่ต้องต้มทีละ 10 กระทะใหญ่ ๆ และจ้างคนมาช่วย แต่หากวันใด ฟ้า ได้ทิปจากแขกมากหน่อย เธอก็จะจัดการเลี้ยงกองทัพสี่ขาด้วย “พะโล้” ที่ต้องลงทุนจ้างคนแถวบ้านมาทำให้ พร้อมกับซื้อวัตถุดิบหลายพันบาท ซึ่งก็ทำให้พวกมันอิ่มเอมไปไม่น้อยกับมื้อสุดพิเศษ

น่าแปลกที่สาวบาร์คนหนึ่งต้องมารับผิดชอบสุนัขจรจัดกว่า 500 ชีวิตเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเธอเองก็ทำงานหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แต่ก็ต้องตื่นเช้าลุกขึ้นมาดูแลพวกมันทั้งวัน คำตอบของเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าคำว่า “สงสาร” และตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกมันอย่างเต็มใจ

“คือเขาก็มีชีวิตน่ะ รู้แต่ว่าเขาซื่อสัตย์ แล้วเขาก็รักเรา เขาอยากมีเจ้าของเลี้ยง เขาก็จะรักเจ้าของเขามาก อย่างบางตัวมีคนมาทิ้ง ต่อให้เรามาเลี้ยงใหม่เขาก็จะไม่รักเท่าเจ้าของเดิม บางตัวตรอมใจตายก็มี” นางฟ้าของสุนัขจรจัด บอก และเล่าอีกว่า เธอชอบให้อาหารสุนัขจรจัดหิวโซมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เพราะรู้สึกสงสาร แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่มลงมือดูแลสุนัขจรจัดอย่างจริง ๆ จัง ๆ เกิดขึ้นเมื่อหมาในละแวกคอนโดที่เธอเคยอาศัยอยู่ได้สร้างปัญหาให้ชาวบ้าน เธอจึงจ้างให้คนจับพวกมันไปฝากที่วัด และไปให้อาหารพวกมันเป็นประจำ แลกกับการช่วยล้างห้องน้ำ กวาดลานวัด และจ่ายเงินให้วัดเป็นการตอบแทน แต่แล้ววันหนึ่ง เธอก็พบว่า พวกมันถูกวางยาเบื่อ

เมื่อไม่สามารถนิ่งดูดายกับชีวิตจรจัดของสุนัขเหล่านี้ได้ ประกอบกับหาบ้านเช่าแห่งใหม่ได้ สาวบาร์ผู้ใจบุญคนนี้ได้อพยพสุนัขราว 20-30 ตัวมาเลี้ยงดูเอง แต่เธอก็ต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่อีกถึง 3-4 รอบ เพราะสุนัขจำนวนมากได้สร้างความรำคาญให้เพื่อนบ้าน จนได้เจอสถานที่ที่ห่างไกลผู้คน อยู่ในซอยลึก ล้อมรอบด้วยดงหญ้าเวิ้งว้าง ทางเข้าเป็นดินลูกรัง น้ำไฟเข้าไม่ถึง แต่ ฟ้า ก็ยอมเสี่ยงที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อให้สุนัขจรจัดได้มีที่อยู่อาศัยเช่นกัน

แต่ทว่า ยิ่งพื้นที่กว้างขึ้น คนก็ยิ่งนำสุนัขมาฝาก ฟ้า เลี้ยงมากขึ้นเช่นกัน เธอบอกว่า หลายคนเห็นสุนัขจรจัดข้างทางก็สงสาร เลยเก็บมาให้เธอเลี้ยง ฟ้า ตัดพ้อว่า พวกเขาสงสารแต่สุนัข ไม่สงสารเธอเลย ขณะที่อีกหลายคน นำสุนัขที่เคยเลี้ยงไว้มาให้เธอ เพราะเห็นว่า สุนัขแก่แล้วบ้าง ป่วยแล้วบ้าง ขี้เหร่บ้าง เพราะบางคนรักแต่สุนัขที่สวย ๆ แต่ ฟ้า กลับมองว่า ถ้าเป็นแบบนั้น เธอไม่เรียกว่าเป็น “ความรัก”

อย่างไรก็ตาม ยังมีสุนัขอีกหลายตัวที่มาพร้อมกับความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจ เพราะมันถูกเจ้าของกระทำทารุณ ถูกจับใส่กระสอบแล้วโยนเข้ามาในบ้าน บางตัวก็ถูกมัดขา มัดคอ ผูกติดกับรถมอเตอร์ไซค์มา เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจคนรักสุนัขเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่คนรวย ๆ ที่มีฐานะดีกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่าก็ยังทิ้งสุนัขไม่ต่างจากคนทั่ว ๆ ไป

“บางตัวนี่รถเบนซ์มาเลยนะ รวยมาก บอกแค่เห่าเสียงดัง แล้วหมาตัวนั้นน่ะเหงาเป็นเดือน อีกตัวนึงเขาบอกด้วยความภูมิใจเลยนะ เนี่ย! ซื้อมาสี่ห้าหมื่น แต่เขาก็เอามาทิ้งให้เรา” ฟ้า พูดอย่างสะกดอารมณ์โกรธ พร้อมกับบอกว่า แม้เธอจะมีสิทธิ์ปฏิเสธการเลี้ยงสุนัขที่มีคนนำมาให้ แต่คุณธรรมที่เต็มเปี่ยมในจิตใจ ไม่สามารถทำให้เธอตอบปฏิเสธได้

“ถ้าเขาโทรมา เราก็พอจะปฏิเสธได้ว่า เราเลี้ยงไม่ไหวแล้ว แต่บางทีเขามาถึงบ้าน ใส่รถปิกอัพตากฝนมาทั้งหมาทั้งคน ถ้าเราไม่รับเขา เขาจะตากฝนไปอีกไกลไหม ก็ต้องรับ พี่ไม่สงสารคนหรอก พี่สงสารหมามันเป็นเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ เราเห็นตาเขา เขาเปียกฝนมาแล้ว จะตายไม่ตายก็ไม่รู้ แล้วเราน่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย เราก็ต้องช่วยเขา”

บ่อยครั้งที่ ฟ้า ต้องอุ้มสุนัขที่ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บไปรักษา และยังรับกลับมาดูแล ทั้ง ๆ ที่ สุนัขในการอุปการะของเธอมีนับร้อย ๆ ตัวอยู่แล้ว แต่เหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้สาวบาร์คนนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ พวกมันกำลังบาดเจ็บ

“คือเราปล่อยเขาไว้ไม่ได้น่ะ ในเมื่อเขาเจ็บขนาดนี้ต้องช่วย ไม่ว่าตอนนั้นกำลังจะไปไหนก็ต้องยุติเลย มันรู้สึกทนไม่ได้ที่เห็นหมาเป็นแบบนี้ อย่างเวลาเลิกงานจะซื้อก๋วยเตี๋ยวกลับบ้าน หันไปเห็นหมา มีลูกชิ้นแค่สามสี่ถุงในลูก ก็ให้เขากินไป เดินมาอีก เจออีกแล้ว เอ้า! กินเส้นไป เราไม่กินก็ได้ ไม่ได้เสียสละนะ ไม่ใช่นางฟ้ามาจากไหน แต่ก็รู้สึกว่า เขาก็หิว ตัวเรายังพูดได้ ซื้อกินเองได้ แต่เขานะไปขอใครกินไม่ได้ เพราะคนสมัยนี้มันหาใจดียาก บางทีแค่เขาเดินผ่านก็ตีเขาแล้ว” ฟ้า พูดอย่างสงสารสุนัขเหล่านั้น

ความใจดีมีเมตตาของ ฟ้า ฟารีดา อาจเป็นเพราะเธอเคยเป็นเด็กหญิงที่ขาดความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ทำให้เธอต้องเผชิญชะตากรรมระเหเร่ร่อนตามผู้เป็นพ่ออยู่เรื่อย ๆ เธอจึงไม่มีวุฒิการศึกษา เพราะต้องเปลี่ยนโรงเรียนทุกครั้งที่ต้องย้ายตามพ่อ กระทั่งในวัย 16 ปี สาวคนนี้ได้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ คนหนึ่ง แต่แล้วเมื่อบริษัทของสามีต้องปิดตัวลง ฟ้า ซึ่งไร้วุฒิการศึกษา ไม่สามารถหางานทำได้ สุดท้ายจึงต้องลงเอยที่อาชีพสาวบาร์ อาชีพนี้ทำให้ ฟ้า หลงผิดไปกับแสงสีเสียง และคำหวานของหนุ่ม ๆ ที่มาเที่ยว ในที่สุด ฟ้า ได้บอกเลิกสามี เพื่อหวังจะไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความสุขกับชายหนุ่มคนอื่น แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงภาพลวงตา

ชีวิตที่เกือบจะพังพินาศในช่วงหนึ่ง ไม่ได้ทำให้ ฟ้า ทำตัวสำมะเลเทเมา แต่เธอเลือกที่จะแบ่งปันความรักให้สุนัขจรจัดที่ไร้คนเหลียวแลเหล่านี้ โดยตั้งใจว่า จะเลี้ยงพวกมันจนกว่าเธอจะตาย

“ณ ตอนนี้ เรามีชีวิตอยู่ ทำอะไรได้เราทำ เอาแค่วันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้เราจะไปหาเงินยังไงให้เขาได้กิน วันนี้เราจะได้ทิปเท่าไหร่ เขาจะได้กินอะไรดี ๆ บ้าง ส่วนตัวเองไม่อะไรมาก แค่กินอิ่มแล้วมีงานทำ ไม่ต้องไปนอนอะไรมากเดี๋ยวก็สว่างแล้ว”

สาวบาร์ใจบุญ ยังบอกด้วยว่า เวลาอยู่กับสหายเหล่านี้ เธอรู้สึกสบายใจมาก ต่างจากเวลาที่ออกไปข้างนอกกับชายหนุ่ม แม้จะได้ไปโรงแรมหรู ๆ มีคนเปิดประตูให้ แต่ก็ไม่สบายใจเหมือนเวลาไม่ได้อยู่กับพวกมัน เพราะต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังว่า สุนัขจะเป็นอย่างไรบ้าง มีใครจุดยากันยุงให้ไหม มีใครให้ข้าวหรือยัง จะมีตัวไหนป่วยหรือไม่ คิดอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่จะถึงวันกลับไปเจอพวกมัน อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะไม่ชอบงานสาวบาร์แบบนี้ แต่ก็ต้องจำใจทำ เพราะอยากได้เงิน

สำหรับเงินทั้งหมดที่สาวบาร์ใจบุญได้มา ส่วนหนึ่งเธอจะส่งไปให้แม่ชราและน้องชายซึ่งป่วยเป็นโรคไตที่ขอนแก่น ส่วนที่เหลือจะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูสุนัข ทั้งค่าอาหารวันละ 5 กระสอบ ค่ายากันยุง แป้งโรยเห็บหมา นม เงินเดือนให้น้องสาว-น้องสะใภ้ที่มาช่วยดูแล ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จิปาถะ ที่ดูแล้วเกินตัวของสาวบาร์คนนี้ นั่นจึงทำให้เธอพยายามส่ง SMS ไปตามรายการต่าง ๆ เพื่อขอรับบริจาคจากคนรักสุนัขทั้งหลาย แต่หากวันใดมีเงินไม่พอ เธอก็จำเป็นต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหลายร้อยชีวิต

อย่างไรก็ตาม ที่น่าเศร้าใจก็คือ ทุกครั้งที่ ฟ้า ฟารีดา ได้ออกประกาศขอรับบริจาคตามสื่อ สิ่งที่เธอมักจะได้กลับมามากกว่าเงินบริจาคก็คือ สุนัขจำนวนมากที่มีคนนำมาปล่อยให้เธอเลี้ยงมากขึ้น ซึ่งเธอก็รับเลี้ยงพวกมัน เพราะคิดว่าทำดีต้องได้ดี

“ไม่คิดว่าทำอย่างนี้ต้องได้บุญเยอะ ไม่ใช่ แค่คิดว่าให้หมาอยู่ ให้หมาสบาย พี่ไม่กลัวอดหรอก เพราะเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี เราไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ต้องมาพูดเพราะ สร้างภาพอะไรเราทำไม่เป็น ถ้าบริจาคเงินแล้วกลัวเราเอาไปใช้ ไม่ต้องกลัวหรอก เราเอาไปใช้แน่ เพราะถ้าไม่ใช้ เราจะเอาที่ไหนกิน เงินที่เราหามาก็เอามาให้หมาทั้งนั้น…” สาวบาร์ใจบุญ พูดทิ้งท้ายอย่างจริงใจ

นี่ก็คือเรื่องราวของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจยิ่งใหญ่ และคิดถึงเพื่อนสี่ขามากกว่าความสุขของตัวเอง ซึ่งนิตยสาร ค ฅน ตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้กัน สำหรับใครที่ประสงค์จะช่วยเหลือสุนัขจรจัดกว่า 500 ชีวิตเหล่านี้ สามารถร่วมสมทบทุนได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยคาร์ฟูร์ อ่อนนุช บัญชีออมทรัพย์ 401-743-7624 ชื่อบัญชี ฟารีดา เยาวะนิจ หรือโทรศัพท์ไปสอบถามที่หมายเลข 08 7596 4821

ที่มา และภาพประกอบจาก รายการคนค้นฅน , ทีวีบูรพา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
นิตยสาร ค ฅน ปีที่ 7 ฉบับที่ 9 (81) สิงหาคม 2555