อันที่จริงส่วนตัวน่าจะสัมผัสกับคำว่า จิตอาสา สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะชอบที่จะทำค่ายในชุมชน, ทำค่ายบนเกาะ เข้าชมรมโน้น นี่ นั่น เพราะตอนนั้นคิดว่าการทำกิจกรรมไปด้วย เรียนไปด้วย เป็นสิ่งที่สนุก และคุ้มค่าที่สุดแล้วในการอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมอย่างจริงจังก็ตั้งแต่ปีที่ 1 จนถึงจบปี4 ไต่เต้าจากสมาชิกชมรมกลายเป็นผู้นำกิจกรรม แต่ยอมรับว่าการทำกิจกรรมเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เราใคร่ครวญ นึกถึง กับสิ่งที่ทำพอสมควร แต่ได้มาสัมผัสกับคำว่า “อาสาสมัคร หรือ จิตอาสา” อย่างถ่องแท้สมัยเป็นบัณฑิตอาสา มอ. (โครงการบัณฑิตอาสามอ.) ซึ่งตอนนั้นได้เป็นบัณฑิตอาสาประจำพื้นที่ ตรัง และการทำหน้าที่ในคำว่าบัณฑิตอาสา ซึ่งหน้าที่การเป็นบัณฑิตอาสา มอ.ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หน้าที่ เพราะทุกนาทีที่ก้าวออกจากบ้านพักมันมี แรงบันดาลใจ มีความสุข มีความหวัง มีกำลังใจและมีความสนุกที่จะเดินบนเส้นทางของ อาสาสมัคร

จุดเริ่มต้นในการสมัคร บัณฑิตอาสาเพียงแค่ต้องการพิสูจน์ความกล้า พิสูจน์ความท้าทาย ของตัวเอง ว่าเราจะสามารถพังทลายกำแพงที่กลัวในการออกนอกพื้นที่ได้หรือไม่?

ก้าวแรกที่เข้าไปอยู่ในชุมชน เป็นช่วงที่ต้องปรับตัว และต้องสร้างความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจให้กับชาวบ้านให้มากที่สุดและเร็วที่สุด โชคดีมากที่เข้าไปในชุมชนตรงกับช่วงที่ เด็ก ๆ และ เยาวชน ปิดเทอมพอดี จึงเข้าไปพูดคุยและเชิญชวนให้เด็กๆ และเยาวชนมาเรียนหนังสือ ซึ่งตอนนั้นเด็กๆ เยาวชน และผู้ใหญ่ในชุมชนจะเรียกฉันว่า “ครูกะมะห์” การสอนหนังสือตอนนั้นเริ่มจาก สอน วิชาภาษาไทย สอนการบ้าน สอนหนังสือศาสนา และสอนละหมาด รวมถึงการทำกิจกรรมในชุมชนกับเด็กๆ และเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บขยะ เลี้ยงปลาหางนกยูงเพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในการลดอัตราไข้เลือดออกของชุมชน แม้กระทั่งการได้ปั่นจักรยานในหมู่บ้านพร้อมๆกับเด็กๆมันทำให้เรารู้สึกประทับใจในสิ่งที่ทำ ซึ่งงานอาสาที่เริ่มทำแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่มันกลับสร้างความประทับใจอย่างมากมาย ทั้งยังสามารถปลุกจิตวิญญาณในใจให้มีความหวัง มีแรงบันดาลใจที่จะทำงานอาสาสมัครต่อไป และงานอาสาสมัครเริ่มต้นได้ทุกเมื่อ ที่ใดก็ได้ แม้กระทั่งการที่เราหยิบกิ่งไม้ที่ขวางบนถนน แล้วทิ้งให้เป็นที่เป็นทาง ก็ถือว่าเป็นงานอาสาสมัครเพราะจะไม่ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาบนถนนเกิดอุบัติเหตุได้ และงานอาสาสมัครนี้แหละทำให้ฉันมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เกิดการแบ่งปันมากขึ้น นึกถึงสังคมมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้มันทำให้ยกระดับความสุขภายในจิตใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

หลังจากที่จบบัณฑิตอาสาในชุมชน มีความหวังที่จะรวมตัวกลุ่มเยาวชนในชุมชนของตัวเองเพื่อดำเนินกิจกรรมอาสาสมัคร แต่ด้วยภารกิจ หน้าที่ การงานทำให้รวมตัวกันยาก แต่มันทำให้เกิดจุดประกายใหม่ ขึ้นมาคือ “ในเมื่อรวมตัวเป็นกลุ่มในการปฎิบัติงานอาสาสมัครไม่ได้ แต่ฉันสามารถที่จะเอาตัวเองไปเป็นอาสาสมัครเองได้” ตอนนี้จึงเข้าร่วมกิจกรรมกับ หน่วยอาสาสมัคร มอ.หาดใหญ่ในการทำกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ เช่น สอนหนังสือภาษาไทยเด็กพม่า ทำกิจกรรมกับเด็กๆบนเกาะบุโหลน จังหวัดสตูล เป็นต้น

#อาสาสไม่สมัครเล่น
#อาสาสมัครเพื่อการพัฒนา
#VolunteerforSDGs