27dec_volunteerday

นอกจากวันนี้จะเป็น วันที่ ๒๗ ของเดือน
นอกจากวันนี้จะเป็น วันที่ ๓๖๒ ในปีอธิกสุรทิน
นอกจากวันนี้จะเป็น วันครบรอบ ที่ยาน Apollo ๘ กลับมาถึงโลก
นอกจากวันนี้จะเป็น วันครบรอบ ที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ในคาร์บาลา ประเทศอิรัก
นอกจากวันนี้จะเป็น วันครบรอบ ที่ขบวนการอาเจะห์เสรี ประกาศยกเลิกกองกำลังติดอาวุธ
.
นอกจากวันนี้จะเป็น วันหรือเหตุการณ์ สำคัญ ใดๆ ก็ตาม
..
วันนี้
๒๗ ธันวาคม
ยังเป็น
วัน ” จิตอาสา ”
อีกหนึ่งวัน ที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
.
“จิตอาสา” เป็นวันที่จิตอาสาได้ผลิบาน
หลังจากความสูญเสีย เมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ จากเหตุการณ์ “สึนามิ”
ได้ก่อเกิดคลื่น “จิตอาสา” หลั่งไหลลงพื้นที่ประสบภัย ช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ครั้งนั้น
เกิดเป็น วันนี้ ที่ถือเอาวันถัดจาก วันที่ ๒๖ ธันวา เป็นวัน “จิตอาสา”

เพื่อความเข้าใจอย่างเป็นรูปเป็นร่าง
ไม่สะเปะสะปะไปตามสติปัญญาและทิศทางความคิดของผู้เขียน
ของคำว่า “จิตอาสา”
ขอ อาศัย ความคิดความเห็นที่ตกผลึกแล้ว จากบุคคล
มาอธิบาย อย่างกระจ่าง ได้ใจ ได้ความ แทนผู้เขียน เห็นจะเป็นการดี และเหมาะสมกว่า
.
พระไพศาล วิสาโล …
“ เนื้อแท้ ของความเป็นอาสาสมัครนั้นอยู่ที่จิตใจ คือ มี ‘จิตอาสา’ ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น
หรือนึกถึงส่วนรวม จะเป็น ครู พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ก็สามารถเป็นอาสาสมัครได้
ตลอดเวลา หากมีจิตใจ ที่คำนึงถึงส่วนรวมอยู่เสมอ เราจำเป็นต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
‘อาสาสมัคร ’ นั้นไม่ใช่เป็นอาชีพ หากคือสำนึก ที่สมควรมีอยู่คู่กับความเป็นมนุษย์ของเรา
จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ”
.
นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้กล่าวไว้ในกรณีศึกษา “การทำงานอาสาสมัคร” ว่า…

ขณะนี้สิ่งที่สังคมต้องการและโหยหา คือ โลกของหัวใจความเป็นมนุษย์
เพราะหัวใจความเป็นมนุษย์ คือ การมีน้ำใจ การมีความเมตตากรุณา การช่วยเหลือ
เกื้อกูลกัน และกัน ” การจะทำให้เกิดสังคมที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ได้นั้น คือการไปรับรู้
ว่ามีใครทำอะไรดี ๆ ที่ไหนบ้าง และเข้าไปส่งเสริมการทำความดีนั้น ยกตัวอย่าง เรามีโรงเรียน
และมหาวิทยาลัย รวมแล้วหมื่นกว่าโรง แต่ให้เรียนเฉพาะวิชาการอย่างเดียว ก็ไม่ได้อะไร
นอกจากความรู้ แต่ถ้ามีนโยบายให้นักเรียน หรือนักศึกษา ไปหาว่าในสังคมใครทำอะไรดี
เพื่อสังคมบ้าง ถ้ามีนักเรียนหนึ่งหมื่นคน มีการบันทึกการทำความดีหนึ่งหมื่นกรณี ถ้าทำทุกปี
ทุกโรงเรียน หรือทุกมหาวิทยาลัย จะทำให้คนได้รับรู้ในเรื่องการทำความดีมากขึ้น
และสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่ ในการนำเสนอเรื่องราวการทำความดีออกมาในรูปแบบสื่อต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็น วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ต่างๆ ความดีก็จะมีพลังเกิดขึ้นในสังคม…”
.
มิชิตา จำปาเทศ รอดสุทธิ
(บทความจาก ประชาชาติธุรกิจ คอลัมน์ การบริหารงานและการจัดการองค์กร ตอนที่ ๓๘)
“ … จิตอาสา คืออะไร …ความเมตตาที่จะให้ผู้อื่น ให้แบบอ่อนน้อม ไม่ใช่ให้แบบผู้อยู่เหนือกว่า
ให้ผู้ด้อยกว่า แต่เป็นการให้โดยสละตัวตนของเราออกไปด้วย การทำงานช่วยเหลือให้บริการผู้อื่น
จากใจในขณะที่ขัดเกลาจิตใจตัวเองกันไปด้วย เป็นจิตอาสาที่จะทำให้สังคมและผู้อื่นมีความสุข
ผู้รับเองก็เป็นผู้ให้ไปในตัว อย่างน้อยก็เป็นผู้ทำให้ผู้ให้ได้ให้และมีความปลื้มปิติที่ได้ทำสิ่งดีดี
สรุปโดยย่อ จิตอาสา คือจิตที่ต้องการให้ผู้อื่น ตั้งแต่การให้เงิน ให้ของ จนกระทั่งให้แรงงานแรง
สมองหรือที่เรามักเรียกว่า อาสาสมัคร เพื่อช่วยให้ผู้อื่นหรือสังคมมีความสุขมากขึ้น การให้
หรือเสียสละนี้สามารถทำไปได้จนถึงการเสียสละความเป็นตัวตนหรืออัตตาของเรา ลงไปเรื่อย ๆ
.
ประวิตร พิสุทธิโสภณ …
จิตอาสา คือ ผู้ที่มีจิตใจ ที่เป็นผู้ให้ เช่น ให้สิ่งของ ให้เงิน ให้ความช่วยเหลือด้วยกำลังแรงกาย
แรงสมอง ซึ่งเป็นการเสียสละ สิ่งที่ตนเองมี แม้กระทั่งเวลา เพื่อเผื่อแผ่ ให้กับส่วนรวม…
อีกทั้งยังช่วยลด “อัตตา” หรือความเป็นตัว เป็นตน ของตนเองลงได้บ้าง

“อาสาสมัคร” เป็นงานที่เกิดจากผู้ที่มี จิตอาสา ซึ่งมีความหมายอย่างมาก กับสังคมส่วนรวม
เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือ สังคมให้เกิด ประโยชน์
และความสุขมากขึ้น การเป็น”อาสาสมัคร” ไม่ว่าจะเป็นงานใดๆ ก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดประโยชน์
ในทางบวก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราควรทำทั้งสิ้น คนที่จะเป็นอาสาสมัครได้นั้น ไม่ได้จำกัดที่ วัย
การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือ ข้อจำกัด ใดๆ ทั้งสิ้น
หากแต่ต้องมีจิตใจ เป็น “จิตอาสา” ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคม เท่านั้น
.
ผู้เขียนเคยสงสัยว่า
คนดีที่อาสาทำเพื่อสาธารณะประโยชน์
ไม่มีกล้องทีวี จับ
แสงแฟลช ส่องไม่ถึง
ไมค์โครโฟน จ่อไม่ถึง
สป็อตไลท์ ทอดแสงไม่ถึง
เขาเหล่านั้น เคยคิดอยากแสดงตนไหมหนอ
.
ยอมรับว่า การทำดี บางครั้งเราก็แอบโลภหวัง อยากให้เป็นที่ทราบกันบ้าง
แต่เหตุใดบางคน จึงมีขจิตขใจทำงานอาสาอยู่ได้
“ทำแล้วได้อะไร” “ให้แล้วได้อะไร”
ผู้เขียนพอจะรู้จักคนตัวเล็กๆ ที่ทำงานเพื่อสังคม ณ มุมเงียบๆ อยู่บ้างประปราย
ในบทสนทนา ถามตอบนั้น
คำตอบ คือ “ทุกอย่างอยู่ที่ใจ” “ทำแล้วสุขใจ” “ให้แล้วไม่หวังอะไรตอบแทน”
ตายละวา คำถามของเรา ดูเป็นการเสียมารยาทเสียมากมายต่อหัวใจคนมีจิตอาสา
หัวใจเขาน่าชื่นชม
หรือขอยืมคำ บล็อคเกอร์ ‘จ่าจินต์’ (อีกบุคคลหนึ่งที่มีจิตอาสาเป็นสะพานบุญสู่ผู้ทุกข์ยาก)
คำที่ว่า ” หัวใจเขาน่ากราบ ”
.

สำหรับผู้เขียนเอง
การมีจิตอาสา
คงเป็นอะไรก็ตาม ที่ตีลังกาคิดพิเคราะห์ โดยหลักการ และหลักใจ
แล้วตอบใจตัวเองได้ว่า เป็นประโยชน์ต่อสังคม ก็ลงมือทำมัน ตามกำลัง
สำคัญว่า ต้องปฏิบัติจริง
แม้แต่ผู้เขียน ก็มิได้รับการยกเว้น
.
แน่นอนว่า ต้องมีคำติดเหน็บ พอคันว่า “ พูดน่ะง่าย ทำน่ะยาก ”
อย่างไร เราต้องกล้าที่จะก้าวข้าม คำความนั้นไป
ปล่อยให้ลอยผ่านหู อย่าเก็บมาเป็นสาระ
มุ่งหน้าหัวใหญ่ใจความ
“จิตอาสา”

20141227

ที่มา http://www.oknation.net/blog/thanomwong/2008/12/27/entry-1