ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นปีที่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ ประสบอุทกภัยอย่างหนักมาก หลายคนต้องยอมทิ้งบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ เพื่อย้ายมาพักที่ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย สมัยนั้น ผมยังเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดฝึกงานอยู่ อยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งครับ ตอนนั้นเองผมชวนเพื่อนในกลุ่ม 5-6 คน อาสากันไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ศูนย์พักพิง ที่แรกคิดว่าจะชวนกันไปเฉพาะเพื่อนในกลุ่ม และตัดสินใจ ขอรับบริจาคเสื้อผ้า เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ ผู้ประสบอุทกภัย แล้วเราก็ลองชวนน้องๆในคณะดู เผื่อมีใครสนใจ ก็ชวนกันไปชวนกันมา มีน้องๆ ในมหาวิทยาลัยร่วมไปด้วยเกือบ 30 คน จนเราเริ่มวางแผนให้การไปช่วยเหลือครั้งนี้ ดู ครบวงจรมากขึ้น ก็เริ่มจัดตั้ง ทีมการเงิน เหรัญญิก ทีมประสานงานรถตู้ ทีมบริจาค ซึ่งในวันก่อนไป ก็มีน้องๆ และเพื่อนในกลุ่ม ช่วยกันแพ็คขนมและอาหารแห้ง ได้ 60 ชุด ซึ่งมาจากเงินบริจาคของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งบอกก่อนครับว่า ในทีมเพื่อนๆและน้องๆที่ไปด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นน้องๆในสาขากายภาพบำบัดเดียวกัน มีนักศึกษาพยาบาลด้วย 5-6 คนครับ พอไปถึงที่ศูนย์ ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุทั้งนั้นเลยครับ และยิ่งไปกว่านั้น จะมีผู้สูงอายุ ที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วย ก็เลยคุยกันกับเพื่อนๆก่อน ไหนๆก็มาแล้ว ก็ใม่ได้มาให้ของบริจาคอย่างเดียว เลยตัดสินใจจัดทีม พากันมานั่งคุยกับคุณลุงคุณป้า และทุกคนในศูนย์ มาให้กำลังใจ กันครับ ส่วนผม มีน้องๆนักศึกษาเภสัช จาก มหาวิทยาลัยอื่นๆ มาหาผม แล้วเรียกผมว่า หมอ ผมตกใจและบอกกลับไปว่า อ่อๆ ผมไม่ใช่หมอนะ เป็นแค่นักศึกษากายภาพบำบัด แล้วน้องนักศึกษาเภสัช ก็มาพูดคุยกับผม มาปรึกษา ว่ามีคุณลุง 1 คน ไม่ยอมทานข้าว ไม่ยอมทำไรเลย นอนซึมอย่างเดียว ผมเลยตัดสินใจ ไปนั่งพูดคุยกับลุง ทีแรกก็ไม่ยอมคุยไรเลย ดูจากสีหน้าลุงแล้ว ลุงคงจะเสียใจ และซึมเศร้า ที่บ้านเพิ่งโดนน้ำท่วม  ผมก็พยายามคุยกับลุงไปเรื่อยจนลุงเริ่มคุยด้วย ผมก็เลยตรวจร่างกายลุง เบื้องต้น พบว่าขาลุงเย็นมาก เหมือนเลือดไม่ค่อยเดิน เลยถามลุง และถามคนอื่น ได้คำตอบว่า หลังจากลุงมาที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ลุงนอนอย่างเดียว ไม่เดินไปไหน และลุกไม่ขึ้น ผมก็ไม่ชักช้า ก็มาทำหัตถบำบัด ที่เพิ่งจะเรียนจบไป 5555555 และนำมาใช้เลย ก็มานวด นวดฝ่าเท้าให้ลุง ไปสักระยะ จน ฝ่าเท้าลุง เริ่มมีสีชมพู จากเดิมสีเหลือง ผมถามลุงลุงรู้สึกอะไรไหม ลุงบอกว่า เออรู้สึกแล้ว หลังจากคำนั้นเองลุงมองหน้าผม ยิ้มให้ และชูนิ้วโป้งมาให้ผม และบอกว่า ขอบคุณละหนู และก็มาพยุงให้ลุงเริ่มเดิน จนพระเจ้าช่วย ลุงเดินได้แล้ว ลุงเดินใหญ่เลยครับวันนั้น  และผมก็ไปนั่งพูดคุยกับลุง ลุงบอกว่า ลุงอยู่ตัวคนเดียว ลูกหลานไม่มี บ้านเพิ่งถูกน้ำท่วม ทีวี ตู้เย็น อะไร พังหมดเลย เพื่อนบ้านเลยติดต่อทางศูนย์ ให้มารับลุงมาพักพิง ที่ศูนย์ สักพักลุงก็เดินวนไปวนมา เดินไปนู้นไปนี้ 55555555 จนถึงตอนเย็น เราก็เตรียมกลับมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ น้องๆ ก็ต่างกันปลิ้มใจ และได้เห็นมุมมองต่างๆ ความเห็นอกเห็นใจกัน ผมและเพื่อนๆก็ดีใจ ที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกาย ความเป็นจิตอาสาในตัวน้องๆทุกคน  ก่อนกลับ ลุงคนนั้น ก็เดินมาหาผม ลูบหัวผม และบอกว่า แล้วมาหาลุงอีกนะ ผมก็บอกไป ถ้าว่างจะมาหาอีกนะลุง ก่อนกลับผมเห็นลุงไม่มีรองเท้าใส่ ลุงเดินเท้าป่าว ผมเลยถอดรองเท้าผมให้ลุงรองใส่ ลุงชอบมากครับ เลยให้ลุงไป ส่วนผมเพื่อนก็พาไปซื้อรองเท้าใหม่ ที่ บิ๊กซี 5555555  แล้วก็ถึงมหาวิทยาลัย ผมกับเพื่อนๆ และน้องๆ ได้ลง หนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยด้วยนะครับ 5555555 นี้ละครับ เป็นเรื่องที่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ไม่เคยลืม..

โดย สัมฤทธิ์ เพิ่มสุวรรณเจริญ