จำได้ว่าตัวเองเริ่มทำงานอาสาตั้งแต่ประมาณปลายปี 55 เห็นจะได้ค่ะ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต่างร่วมแรงร่วมใจกัน แล้วช่วงนั้นมหาวิทยาลัยที่จบมามีการตั้ง “ครัวอาสา” ทำการประกอบอาหารแล้วนำไปแจกให้ผู้ประสบภัย ช่วงนั้นก็ไปเกือบทุกเสาร์-อาทิตย์ เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆคิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนร่วมสังคม จากนั้นจึงพยายามหางานอาสาตามที่ต่างๆ ซึ่งหลายๆงานก็ล้วนสร้างความประทับใจให้แก่จิตอาสาทั้งสิ้น แต่มีอยู่ 1 องค์กรที่ไปร่วมแล้วทำให้ตระหนักถึงการได้เกิดมาสมบูรณ์พร้อมทางร่างกายมากๆ นั่นคือ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

ครั้งแรกที่ไปทำจิตอาสาที่มูลนิธิเพื่อเด็กพิการนั้นไปช่วยบรรจุสื่อสิ่งพิมพ์(จดหมายข่าว)ให้ผู้บริจาค วันนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายเพราะไม่ได้เจอเด็กๆ ต่อมาก็ได้มาทำงานอาสาล้างจานของมูลนิธินี้อีกครั้ง เนื่องจากมีการจัดงานปีใหม่และวันเด็กพร้อมกัน ผู้เข้าร่วมงานจะเยอะมาก พอถึงวันงานเราได้เจอเด็กๆที่มาที่มูลนิธินี้ วินาทีแรกคือยืนอึ้ง น้ำตาคลอเบ้า และเบือนหน้าหนีเลยค่ะ แต่ไม่ได้เกิดจากความรังเกียจแต่อย่างใดนะคะ แต่รู้สึกสงสารมากกว่า น้องทุกคนต้องนั่งรถเข็นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้(แล้วแต่อาการ) ที่สำคัญเลยคือไม่มีวันรักษาหายค่ะ

เจอผู้ป่วยอยู่ท่านนึงอายุน่าจะประมาณ 30 กว่าแล้วแต่ต้องนั่งรถเข็นโดยมีแม่ที่แก่เฒ่าคอยเข็นรถเข็นให้ ซึ่งในใจแม่ท่านนั้นคงอยากเห็นความสำเร็จของลูกเหมือนแม่คนอื่นแต่คงไม่มีวันนั้น ในใจคิดเลยว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ไม่ประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้ เหตุการณ์ในวันนั้นจึงทำให้ในทุกวันนี้ตระหนักถึงการได้เกิดมาสมบูรณ์พร้อมทางร่างกาย พยายามทำในสิ่งดีๆเพราะเรามีโอกาสทำมากกว่าหลายๆคน เมื่อวันนึงที่ไม่มีโอกาสหรือไม่พร้อมทางด้านร่างกายจะได้ไม่รู้สึกเสียใจค่ะ