ค่ำคืนในความทรงจำ

โท่ดิ้โบ

ปี 2538 เป็นปีที่ชาวบ้านในเขตมาเนอปลอ รัฐกระเหรี่ยงลืมไม่ลง ปีนั้นกองทัพพม่าร่วมมือกับดีเคบีเอ โจมตีค่ายทหารที่มาเนอปลอจนแตก พวกเราชาวปกาเกอะญอที่อาศัยอยู่ละแวกนั้น ต้องพากันเดินทางไปยังฝั่งประเทศไทยเพื่อเอาชีวิตรอด

วันหนึ่งระหว่างสถานการณ์การสู้รบที่มาเนอปลอ ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ลูกบ้านเร่งเก็บข้าวของเพื่อเดินทางข้ามไปยังค่ายผู้ ลี้ภัยฝั่งประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย เสียงประกาศนั้นสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้ทุกคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะครอบครัวหนึ่งที่มีเพียงหญิงที่กำลังตั้งท้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอต้องดูแลลูกชายสามคนและหลานชายหนึ่งคนเพียงลำพัง  เพราะสามีของเธอไปทำงานยังหมู่บ้านที่ห่างออกไปเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว แม้หญิงท้องจะกังวลว่าเมื่อเดินทางไปยังประเทศไทยแล้ว เธออาจจะไม่ได้พบหน้าสามีอีก แต่เพื่อความปลอดภัยของลูก ๆ เธอต้องจำใจก้มหน้าก้มตาเดินทางตามหลังญาติพี่น้องไปเรื่อย ๆ

ชาวบ้านจากมาเนอปลอเดินทางข้ามแม่น้ำมาถึงประเทศไทยแต่เช้า แต่ค่ายผู้ลี้ภัยยังอยู่อีกไกลนัก พวกเขาเดินต่อไปจนกระทั่งบ่าย 3 โมงจึงหยุดพัก หญิงท้องวางสัมภาระแล้วนั่งลงด้วยความเหนื่อยล้า เช่นเดียวกับชาวบ้านที่ต่างก็อ่อนเพลียจากการเดินทางอันยาวไกล ผู้ใหญ่บ้านเห็นดังนั้นจึงประกาศหยุดการเดินทางสำหรับวันนี้ และพักค้างแรมกันที่นี่

หลังจากพักผ่อนนอนเอาแรง ก่อนฟ้าสางผู้ใหญ่บ้านปลุกหัวหน้าครอบครัวของแต่ละครอบครัวให้ลุกขึ้นเตรียม ข้าวปลาอาหารสำหรับคนในครอบครัว การเดินทางวันนี้จะเริ่มขึ้นประมาณตี 5 เขาบอกว่าเส้นทางในวันนี้ค่อนข้างอันตรายเนื่องจากต้องขึ้นเขา จึงขอให้แม่ทุกคนดูแลลูก ๆ ให้ดี หญิงท้องรับคำแล้วกลับไปปลุกลูกชายคนโตและหลานชาย เพื่อช่วยกันเตรียมอาหารสำหรับวันนี้ จนเมื่อฟ้าสางการเดินทางของพวกเธอก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ระหว่างการเดินทางอันยาวนาน หญิงท้องค่อย ๆ ก้าวเดินไปช้า ๆ เธอท้องแก่มากแล้วและยังต้องดูแลเด็ก ๆ อีกสี่คน เวลานี้ญาติ ๆ ของเธอต่างต้องดูแลครอบครัวของตน ไม่มีใครช่วยใครได้ ขณะเดียวกันคนที่อยู่ข้างหน้าก็ทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อย ๆ  ในที่สุดพวกเขาก็หายไปลับตา เหลือแต่ครอบครัวของเธอเดินอยู่เพียงลำพัง เวลานั้นความกลัวเกาะกุมหัวใจของหญิงท้อง เนื่องจากเธอไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อน เธอบอกกับลูก ๆ และหลานชายว่า “จะอยู่หรือตาย ตอนนี้ก็คงขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้ว”

หลังจากหยุดพักกินข้าว เธอและเด็ก ๆ ก็ออกเดินทางต่อ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเส้นทางที่พวกเธอเดินไปไม่ใช่ทางเดียวกับที่ญาติพี่น้อง เลือกเดิน พวกเธอเดินกันอยู่นานจนเส้นทางเริ่มเปลี่ยนเป็นพงหญ้าและดงหนาม ยิ่งเดิน ทางยิ่งชัน ความเหนื่อยล้าทวีคูณเป็นเท่าตัว อากาศก็เย็นลง แต่พวกเธอก็ยังก้มหน้าเดินไปเรื่อย ๆ จนฟ้ามืด หญิงท้องจึงตัดสินใจบอกกับเด็ก ๆ ให้หยุดเดินและนอนที่นี่

ขณะที่กำลังจะนอนหลับ ลูกชายคนโตของเธอก็เห็นแสงไฟอยู่ตรงตีนเขาข้างล่าง เขาจึงชวนหลานชายลงไปดูว่าแสงไฟนั่นเป็นของใคร แม้เธอจะห้ามปรามแต่ลูกชายคนโตก็บอกว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในฝั่งไทยแล้วคงไม่ มีอันตรายใด แสงไฟนั่นอาจจะเป็นแสงไฟของชาวบ้านมาเนอปลอก็ได้ ก่อนออกเดินทางผู้เป็นแม่ได้แต่พร่ำบอกให้ลูกระวังตัวให้ดี

ท่ามกลางความมืด หญิงท้องและเด็ก ๆ ที่เหลือนอนรอฟังข่าวอย่างกระวนกระวายใจ เพราะเส้นทางที่ลูกและหลานของเธอเดินไปนั้นเป็นทางลงเขาที่ลาดชันและไม่แน่ ว่าปลายทางที่พวกเขาไปจะมีมิตรหรือศัตรูคอยอยู่ เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งตี 1กว่า มีแสงสว่างค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเธอ ลูกชายและหลานชายของเธอกลับมาแล้ว พวกเขาบอกว่าแสงไฟข้างล่าง เป็นแสงจากกองไฟของญาติพี่น้องของเราที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน หญิงท้องจึงปลุกหลาน ๆ ที่กำลังหลับแล้วออกเดินทางไปหาญาติที่ตีนเขาทันที

เมื่อมาถึงจุดที่ชาวบ้านจากมาเนอปลอค้างแรม ญาติพี่น้องต่างเข้ามาแสดงความยินดีที่ได้พบหน้ากับหญิงท้องอีกครั้ง เธอเองก็ดีใจและรู้สึกปลอดภัยอีกครั้ง สองวันต่อมาพวกเขาออกเดินทางต่อ จนในที่สุดก็ถึงค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย

แม้หญิงท้องและครอบครัวจะปลอดภัย แต่เธอก็ยังเป็นห่วงสามีที่ยังอยู่ในประเทศพม่า โชคดีที่สามีของเธอกลับมายังมาเนอปลอหลังจากที่ชาวบ้านออกเดินทางไปแล้วสอง วัน เมื่อทราบข่าวว่าลูกเมียเดินทางไปยังเมืองไทยเขาก็ออกเดินทางตามมาทันที พวกเขาเชื่อว่าเป็นเพราะความรักของพระเจ้าทำให้ครอบครัวของพวกเขาได้กลับมา อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหลาย ๆ ครอบครัวที่ต้องลี้ภัยมายังประเทศไทย แต่มีไม่กี่ครอบครัวที่โชคดีอย่างครอบครัวของหญิงท้องคนนี้ ขณะที่เรากำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนที่นอนอุ่นนุ่ม ยังมี เด็ก ผู้หญิง คนแก่ อีกมากมายที่ต้องพบกับเหตุการณ์เลวร้ายจากสงครามในประเทศพม่า หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะจบลงในสักวันหนึ่ง


ศูนย์ข้อมูลริมขอบแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
ตู้ปณ.180 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50202
โทรศัพท์ 053-805-298
โทรสาร 053-805-298
E-mail borders@chmai2.loxinfo.co.th