คำว่า “จิตอาสา” มีการใช้ครั้งแรกหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิประมาณ 1 ปี โดยคนทำงานแผนพัฒนาจิต ของ สสส นั่งคิดกัน 3 คน ผมคือ 1 ในนั้น ทีแรกจะใช้คำ “อาสาสมัคร” เหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่มันช้ำแล้ว ไม่สะดุดหู จึงประดิษฐ์คำ “จิตอาสา” มาแทนกัน 

อาสาสมัคร หมายถึง ผู้เสนอตัว กระทำเพื่อผู้อื่น และผลของการกระทำนั้นเป็นประโยชน์ส่งผลดี ผมเคยเถียงกับพิภพ ธงชัย ที่จุฬา เรื่องความหมาย “อาสาสมัคร” พิภพ บอกว่า คนที่ขับเครื่องบินชนตึก 9/11 คือ อาสาสมัคร ผมว่าไม่ใช่ คนชนตึก ขาดองค์ประกอบสุดท้ายในการเป็นอาสาสมัคร คือ ผลของการกระทำนั้น ไม่มีความชอบธรรม อาสาสมัคร นำตัวเองเข้าสู่เงื่อนไขที่ตัวเองมีความลำบาก ต้องเสียสละ นี่คือ เบ้าหลอมและสร้าง “จิตใหญ่ ใจกว้าง”

คณะแพทย์จากอเมริกากลุ่มหนึ่งบินมาที่วัดย่านยาว (สึนามิ) แต่ถูกปฏิเสธเพราะหมอเยอะแล้ว จึงไปเป็นอาสาแบกไม้สร้างบ้านพักชั่วคราว

ดร หญิง คนหนึ่ง มาช่วยขัดห้องน้ำที่อาสาสมัครใช้กัน ขัดทุกห้อง กวาดถูกที่ทำงาน ไม่เกี่ยงงอน ยิ้มแย้ม

ผู้จัดการแผนกของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง มาทำอาหารเลี้ยงคนที่ช่วยงานประสบภัยในห้องครัวเงียบ ๆ

ฝรั่งอาสา สกีนเสื้อยืดคำว่า Hot & Dirty พวกนี้เสนอตัวทำงานกลางแจ้ง งานหนัก สกปรก งานที่คนอื่นไม่อยากทำ แต่อาสาพร้อมทำ

การทำงานอาสาสมัคร แม้ไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทน แต่กระบวนการอาสาสมัครจะหล่อหลอมคนให้จิตใหญ่ โดยการขยายจิตที่คับแคบมองแค่ตน ผมเคยถูกอาสาสมัครองค์กรการกุศลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งโทรมาด่า เพราะว่าอาสาสมัครมาอยู่กับผมเป็นพัน แต่ไม่ยอมไปสมัครของเขา อาสาสมัครองค์กรการกุศลชื่่อดังคนนั้น สั่งให้ผมยุติการรับอาสาสมัคร เพราะว่าผมไม่มีสิทธิ์ นี่ถ้าบอกชื่อองค์กรล่ะก็ วงแตก

ในหมู่คนทำงานอาสาสมัครก็ยังมีการแข่งขันกันกลาย ๆ บางแห่งแข่งกันทำดีจนถึงขนาดยิงกัน คนมักเข้าใจผิด คิดว่า “อาสาสมัคร” คือ “สมัครเล่น” คือ ไม่ต้องมีอะไรมาก ทำแค่ใจก็พอแล้ว แค่นี้ก็ดีถมไป

สิ่งที่สังคมต้องการคือ “อาสาสมัครมืออาชีพ” มากกว่า สมัครอาสาเล่น ๆ ที่ศูนย์ ศปภ ดอนเมือง จนท พูดออกโทรโข่งว่า “ไม่ต้องแย่งกันนะครับ ทุกคนได้แพ็คของ ผมรับรอง” ฟังดูแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

ในทุกวิกฤติการณ์ จะเกิดการปรากฎของ อาสาสมัคร และ นักฉวยโอกาส เสมอ

อาสาสมัครองค์กร เช่น พนังงานบริษัท โรงเรียน หรือ หน่วยราชการที่มาทำงานเป็นกลุ่ม ข้อดีคือ มีหัวหน้าทีม ข้อเสียคือ บางคนไม่

การเป็นอาสาสมัคร ต้องเข้าใจสถานการณ์ภาพรวม แล้ววางตนเองอยู่ในบทบาทที่หนุนเสริมต่อกลไกในการทำงาน ทั้งทางตรง และ ทางอ้อม เกิดสภาพ “คนท่วมงาน” ในขณะที่มีงานจำนวนมากขาดคนทำ หัวใจคือ การจัดการอาสาสมัครในสภาวะวิกฤติ คนที่มีประสบการณ์ทำงานด้านภัยพิบัติ จะถูกงานเข้ารุมตี จริง ๆ เขาต้องการคนช่วย แต่เขาไม่พร้อมมาสอนงานคนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญ คนมีทักษะ ที่ประยุกต์กับสถานการณ์ภัยพิบัติได้ แต่ติดว่าเขาทำงานองค์กร โจทย์คือ ทำยังไงใหคนเหล่านี้มาช่วยได้

ผมจะลองทำระบบรับสมัครอาสาสมัครมืออาชีพ โดยทำหนังสือจากมูลนิธิกระจกเงาไปขอตัวคน ๆ นั้น หรือให้รัฐบาลเซ็นให้งานพื้นฐานจะมีคนไปช่วยมาก เพราะอาสาไม่รู้ว่างานที่สำคัญ ซับซ้อนต้องทำอะไร ไม่มีคนอธิบาย เพราะมันเหนื่อย ปัญหาของ HR ด้านอาสาสมัครคือ การกรองอาสาสมัครจำนวนมากที่วิ่งเข้ามาแล้วต้องมาสัมภาษณ์เชิงลึก เมื่อได้คนแล้ว เขาอยู่ได้ไม่นาน มีเงื่อนไข

ต้องมีงานอาสา 2 ประเภท คือ
งานอาสาสมัครที่มีทักษะเฉพาะตัวสูง
งานอาสาใช้แรงงานทั่วไป 

อันแรกหายาก อันหลังคนเยอะมาก หน่วยไหนทำงานได้แม้ยามสภาวะวิกฤติ หน่วยนั้นจะมีงานมหาศาลเข้าตี กุญแจสำคัญก็ยังคงเป็นเรื่องการบริหารจัดการในสภาวะที่วุ่นวาย ขาดความพร้อม จุดเด่นของภาคประชาชนประชาในสถานการณ์วิกฤติคือ ยืดหยุ่น และสามารถขยายขีดความสามารถของส่วนนี้แบบไม่จำกัด ไม่เหมือนรัฐ

การนำมุมมองในการบริหารองค์กรในสถานการณ์ปกติมาอธิบายงานในสถาน การณ์ัภัยพิบัติทำได้ยาก ต้องคิดกรอบ บริหารภาวะวิกฤติ มีคนถามว่า อาสาสมัครต้องใช้อะไรทำงาน ตอบคือ “ใช้ใจ ใช้มือ ใช้หัว” ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ และใช้มากด้วย

สำหรับคนที่อยากเป็นอาสาแต่ไม่มีคนจ่ายงาน อย่าไปโกรธใคร หรือโกรธระบบ คุณสามารถไปเรียบ ๆ เคียง ๆ ใช้เวลาดูเขาทำแล้วหาช่องว่าเข้าเสียบ คนอยากเป็นอาสา อย่าคิดว่า เดินมาที่ป้ายรับอาสาสมัคร หรือ หน้างานแล้วจะได้งานทำทันที ลองมองมุมกลับคนที่ต้องจ่ายงานดู สำหรับคนที่มาเป็นอาสาแล้ว ต้องพยายามมองหาโอกาสที่จะเปิดพื้นที่ให้อาสาใหม่เข้ามาช่วยเพิ่ม สอนงานเพื่อน อย่าเก็บงานไว้ทำคนเดียวคนที่เป็นอาสาอยู่แล้ว จะรู้ว่าหน้างานเป็นอย่างไร และรู้ว่าเพื่อนคนไหนที่สนใจ มีความพร้อม จึงไปดึงคนเหล่านี้ช่วยเสริม

ที่ศูนย์ดอนเมือง ยามนี้ เจอภัย 3 ด้าน 1.น้ำท่วม 2.ผู้อพยพ 3.คลื่นอาสาสมัคร ท่วม มีความเห็นว่า ต้องย้ายระบบรับของบริจาคไปที่อาคารสินค้าแทน ไม่เช่นนั้น ระบบงานที่นี่จะติดขัดอย่างแรง เสาร์ อาทิตย์ นี้ พวกเราที่ดอนเมืองประเมินแล้วว่า จะเจอคลื่นมหาชนที่แห่มาเป็นอาสาและเที่ยวถ่ายรูปกับคนดังเต็มพื้นที่ หายนะ ขอจบซีรีย์ด้วยหัวใจคนทำงานเรื่องนี้

จิตอาสาคือสิ่งสวยงามที่สุด ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ขอบคุณทุกจิตอาสา
บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์
15 ตุลาคม 2554