ชนา ดำเนิน

พอคานั่งเบียดอยู่กับแม่และน้องอีกสองคนข้างกองไฟ น้องคนเล็กหลับอยู่บนกองผ้าห่มที่คนเมืองข้างล่างบริจาคมาให้ อากาศหนาวจัดอย่างนี้ พี่ชายวัยรุ่นทั้งสองของเธอออกไปนอนห้างนากับเพื่อน พอคานึกอยากไปบ้าง แต่แม่บอกว่าเด็กผู้หญิงปกาเกอะญอจะต้องนอนรวมกันอยู่ที่บ้าน

อีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่ของคนไทย ครูสอนว่าอย่างนั้น พอคายังไม่ค่อยเข้าใจการนับวันเดือนปีแบบคนเมืองเท่าไหร่ รู้แต่ว่าหนึ่งปีมีสิบสองเดือน และเดือนแรกของปีใหม่เรียกว่าเดือนมกราคม ที่จำแม่นเพราะเมื่อเดือนปีใหม่คนไทยนี่เองที่พ่อไม่ได้กลับบ้าน มกราคมที่จะถึงนี้ก็จะนับเวลาได้สองปีแล้ว

ตอนที่พ่อหายไป พอคาอายุได้แค่ 6 ขวบ มีคนจากกีแมหรือจังหวัดเชียงใหม่มาหาคนไปตัดไม้ พ่อก็ไปเพราะเห็นว่าเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วอยู่ว่าง ๆ ถ้าได้เงินมานิดหน่อยเผื่อจะได้ทำบ้านไม้กระดานแบบของผู้ใหญ่บ้านบ้าง แต่แล้วลุงก็มาบอกว่า พ่อถูกตำรวจจับเข้าคุก และต้องไปอยู่แม่สอดซึ่งไกลมาก ตอนนั้นแม่ซึ่งกำลังท้องแก่ร้องไห้อยู่หลายวันเพราะกลัวพ่อจะไม่ได้กลับมา แต่คนโต ๆ ที่ลงไปตามเรื่องปลอบว่า ไม่นานเขาคงปล่อยพ่อกลับเพราะพ่อไม่รู้เรื่องอะไรเลย

แต่พ่อก็ไม่เคยกลับมา

————————
พือวาไม่เคยนับวันเวลาที่อยู่ในคุก เขาปล่อยมันผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จะดิ้นรนไปเพื่ออะไร ที่คุกแม่สอดมีคนถูกจับเพราะตัดไม้เยอะ ถ้าพือวารู้อย่างนี้คงไม่ไปรับจ้างตัดไม้ให้เดือดร้อน

เมื่อไม่กี่วันก่อนเขานั่งรถมาไกลมาก พือวาไม่เคยได้นั่งรถไกลอย่างนี้มาก่อน ยังดีที่ไม่เมาจนอ้วกเหมือนเพื่อนชาวกระเหรี่ยงที่ถูกจับมาอีกคน เขาไม่รู้ว่ารถคันนี้จะพานักโทษไปไหน เมื่อถึงที่หมายก็ได้เห็นว่าเป็นคุกเหมือนที่เก่านั่นแหละ  ไม่เคยมีใครอธิบายให้เขาฟังว่า ตอนนี้เขามาอยู่ที่ไหนและมาทำไม พือวาไม่รู้ภาษาไทยเลยสักคำ แม้จะติดคุกอยู่กับคนไทยมานาน เขาขี้อายเกินกว่าจะหัดพูดหรือฟัง

เพื่อนที่ถูกจับมาด้วยกันพอจะเข้าใจภาษาไทยนิดหน่อย เขาบอกพือวาว่า คุกใหม่แห่งนี้อยู่ในอำเภอสวรรคโลก ที่นี่คงไกลจากที่บ้านมากเพราะเขาไม่เห็นคนปกาเกอะญอคนอื่นเลย ที่แม่สอดยังมีเพื่อนพูดภาษาเดียวกันอธิบายอะไรต่อมิอะไรให้เข้าใจบ้าง แต่ที่นี่ไม่มีใครเข้าใจเขาเลยสักคน ความหวังที่ลูกชายจะได้มาหาบ้างก็คงไม่มีแล้ว ไกลอย่างนี้คงไม่มีเงินค่ารถมากันแน่ ๆ

บางคืนพือวาก็นอนฝันถึงบ้านอย่างมีความสุข แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็หงอยซึมอย่างบอกไม่ถูก ลูกคนเล็กที่อยู่ในท้องเมียตอนนี้คงเดินได้แล้วละมัง จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้ เกล่อทูเจ้าลูกชายคนโตคงอยากจะแต่งงานเต็มที แต่พ่อก็มาไม่อยู่เสีย แล้วป่านนี้เจ้าจอแนหลานชายมันจะได้ลูกหรือยัง หมู่บ้านน่าจะมีครูขึ้นมาสอนหนังสือแล้วนะ เพราะตอนก่อนที่จะถูกจับ ผู้ใหญ่บ้านบอกไว้ว่าจะมีครูมึ (ครูผู้หญิง) ขึ้นมา ถ้าเขายังอยู่จะต้องชวนครูมากินข้าวที่บ้านบ่อย ๆ และลูก ๆ จะต้องไปโรงเรียนกันทุกคน นี่แม่มันจะคอยไล่ให้ไปโรงเรียนไหวไหม หรือว่าเพราะเขาไม่อยู่ลูก ๆ จะต้องช่วยงานแม่หนัก ถ้าเด็ก ๆ ปกาเกอะญอเขียนหนังสือและพูดไทยได้คงจะไม่ลำบาก อย่างน้อยที่สุดถ้าเขาพูดไทยได้ จะได้ถามผู้คุมเสียทีว่าจะต้องอยู่ในนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

————————
โส่คาว่าจะขายหมูตัวนี้สักที ถ้ามันโตเกินไปจะชั่งได้ราคาแพงเกินจนไม่มีใครซื้อ เนื้อก็กินไม่อร่อย ถ้าได้เงินมาว่าจะให้น้าชายพาไปหาพ่อที่คุกแม่สอด คราวที่แล้วอุตส่าห์นั่งรถไปถึงแต่คนที่นั่นก็บอกว่าไม่ใช่วันเยี่ยม เลยต้องกลับมาทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าพ่อเลยสักนิด

นี่ถ้าพ่อรู้ว่าเขาไม่ได้ไปเรียนหนังสือจะว่าอะไรไหมนะ เมื่อครูมาทีแรกเขาก็ไปโรงเรียนทุกวัน แต่พอฝนมาถึงเวลาทำไร่ เขาก็ต้องไปช่วยแม่กับพี่ชายจนตามบทเรียนไม่ค่อยทัน ให้น้องสาวคนรองไปเรียน มันก็หัวไม่ดี น้องพอคาเสียอีกตัวเล็กนิดเดียวแต่อ่านหนังสือได้มากกว่าคนอื่น อันที่จริงแม่ไม่ค่อยอยากให้พอคาไปโรงเรียนเท่าไหร่ อยากให้เลี้ยงน้องคนเล็กอยู่บ้านมากกว่า แต่พอคาก็อาศัยเวลาแม่เผลอวิ่งไปโรงเรียนทุกที เขาเองก็ไม่ได้ฟ้องแม่ ไม่รู้จะฟ้องไปทำไม

ตอนนี้ที่โรงเรียนมีเด็กเยอะจนโต๊ะเขียนหนังสือไม่พอ โส่คารู้ว่าเพื่อนวัยเดียวกันอ่านหนังสือออกได้เยอะจนเขารู้สึกอาย ถ้าจะให้นั่งอ่านนั่งเรียนรวมกับพวกเด็กตัวเล็ก ๆ คงไม่สนุกแน่ คิดแล้วก็เลยไม่ไปโรงเรียนเอาเสียดื้อ ๆ ครูก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเขามีภาระต้องรับผิดชอบเยอะเกินตัวเพราะพ่อไม่อยู่ จึงไม่ได้คาดคั้นอะไรนัก

วันก่อนนี้ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า น่าจะขอให้ครูเขียนหนังสือไปถามที่คุกดูว่าพ่อกินอยู่อย่างไร ถ้าในนั้นมีคนปกาเกอะญออ่านหนังสือไทยออก ก็จะได้อ่านและแปลให้พ่อฟัง เขาฟังแล้วก็เห็นดีด้วย นึกในใจว่าปล่อยให้พอคามันหนีไปโรงเรียนอย่างนี้ก็ดี เผื่อมันเขียนหนังสือได้ จะได้เขียนไปหาพ่อเสียเอง

โส่คาไม่รู้เลยว่า พ่อของเขาไม่ได้อยู่ที่คุกแม่สอดแล้ว

————————
วันนี้งานของหญิงสาวน่าเบื่อเหมือนทุกวัน เธอฝึกงานเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่เรือนจำสวรรคโลกได้สักพักหนึ่ง แล้ว ยังไม่เห็นจะรู้เรื่องราวอะไรมากมาย เมื่อกี้นี้กรอกใบขออนุญาตเยี่ยมพิเศษไปให้หัวหน้าเซ็นก็ผิดหมด ต้องแก้แล้วแก้อีกจนเหนื่อยใจ

คนอะไรชื่อแปลก… พือวา วันนี้ไม่ใช่วันให้เยี่ยมด้วย แต่คนที่มาบอกว่าอุตส่าห์นั่งรถมาจากแม่สอดจึงขอทำเรื่องเยี่ยมพิเศษได้ เขาว่าเป็นครู มาตามหาตัวชาวบ้านที่ย้ายมาจากคุกทางโน้น นี่ก็ประกาศหาอยู่ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีใครชื่อพือวาเลย

หญิงสาวเดินเอื่อย ๆ ไปดูเหตุการณ์ที่หน้าลูกกรง ครูคนนั้นกำลังอธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าพือวาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง จึงเป็นความผิดของเธออีกตามเคยที่ไม่ได้เขียนคำว่า นช. นักโทษชายไว้ข้างหน้าชื่อทำให้คนหาไม่รู้เรื่อง หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดูนาฬิกาก็เหลือเวลาตั้งชั่วโมงกว่าจะได้กลับบ้าน อ้าว… แล้วนั่นอะไรกัน ประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ไม่เห็นมีคนชื่อประหลาดมาเลย

ที่แท้พือวาเป็นชื่อของคนกะเหรี่ยงนี่เอง ครูบอกว่าเขาถูกย้ายมาจากแม่สอดเมื่อเดือนที่แล้วแน่ ๆ แต่เป็นไปได้ว่าแกจะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจเลย นามสกุลสวยหรูที่อำเภอตั้งให้นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าตัวไม่มีทางอ่านออก

ดูครูคนนั้นท่าทางเดือดร้อนใจมากที่หานายพือวาไม่เจอ เห็นว่าเขารับปากกับลูก ๆ แกว่าจะต้องมาเยี่ยมให้ได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจวิ่งไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้คุมฟังอีกครั้ง เธอออกความเห็นว่าน่าจะเรียกนักโทษมาถามดูว่ามีคนชนเผ่าคนไหนที่อยู่ในวัย สี่ห้าสิบมั่ง ครูที่มาตามหาก็บอกว่าไม่เคยเห็นหน้านายคนนี้มาก่อนเสียด้วย

ในที่สุดผู้ชายตัวเล็ก ๆ ผอมๆ คนนั้นก็คือพือวาจริงๆ นั่นแหละ หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นคนเป็นครูส่งภาษาแปลก ๆ กับนักโทษคนนั้น หน้าตาแกซีดเซียวและมีรอยยิ้มที่ซื่อเหลือเกิน ดูหลังที่ค้อมลงอย่างนอบน้อมนั่นสิ เหมือนกับไม่มีชีวิตจิตใจยังไงไม่รู้ ครูเขาเอาของกินมาฝากด้วยนิดหน่อย นั่นรู้สึกจะเป็นรูปถ่ายของเด็กกะเหรี่ยง ใช่แล้ว… คงเป็นรูปของลูกแกแน่ทีเดียว

————————
หญิงสาวเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน เหลือเวลาอีก 15 นาที ดูปฏิทินเหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงปีใหม่แล้ว ได้หยุดตั้งหลายวัน นี่นายพือวาแกจะรู้ไหมนะว่าปีใหม่แล้ว… อยู่ ๆ คำถามก็ผุดขึ้นมาในใจ เมื่อกี้เห็นแกดูรูปลูกแล้วน้ำตาคลอหน่อยหนึ่งด้วย เออ… หนอ ครูเขาว่ากำหนดพ้นโทษตั้งปี 2542 ลดโทษไป ๆ มา ๆ ตามกฎก็เห็นจะต้องอยู่อีกต่ำ ๆ 2 ปี แกคงจะเหงา พูดจากับใครก็ไม่ได้เลย จะส่งข่าวถึงบ้านก็เขียนหนังสือไม่ได้ ครอบครัวบนดอยก็คงไม่มีทางมาหาไกลถึงนี่แน่

เออ… คนกะเหรี่ยงนี่เขาจะมีปีไหมไหมน้อ…

————————
พือวากำลังนั่งดูรูปของลูก ๆ  ทั้งหกของเขาขณะที่ผู้คุมพากลับไปที่ห้องเยี่ยมอีกครั้ง แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ครูคนเมื่อกี้ กลายเป็นผู้หญิงอ้วน ๆ ผมยุ่งและหน้ามัน แต่งชุดกระโปรงสีน้ำตาลเหมือนพวกตำรวจยังไงชอบกล

หญิงสาวตรงหน้ายิ้มกว้างให้พือวา มือส่งของผ่านช่องว่างเล็ก ๆ ที่ลูกกรงเหล็ก เขามองดูถุงพลาสติกที่มียาสูบใส่ไว้สองห่อ กระดาษมวนยาหนึ่งห่อ และกะปิอีก  1 กระปุก

ริมฝีปากที่ทาสีชมพูไว้เลอะ ๆ นั่นขยับส่งภาษาที่แกไม่เข้าใจ “ฉันว่าลุงคงจะอยากมีไว้เองมากกว่าไปขอเขา ลุงไม่เข้าใจฉันก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่อยากให้ของขวัญปีใหม่เท่านั้นแหละ จะปีใหม่แล้ว รู้ไหม พือวา…”

พือวายิ้มให้หญิงอ้วนเต็มที่ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ให้ยาเส้นกับกระดาษมวนยาที่ต้องการมานาน แต่ผู้หญิงไทยคนนี้ดูใจดีและน่ารักเหมือนคนปกาเกอะญอแท้ ๆ

“จริง ๆ แล้วงานของฉันมันสนุกดีเหมือนกันนะ” เธอว่าต่อ “แล้วปีใหม่นี้ก็คงสนุกดี”

…”นี่ฉันฉลองกับลุงเป็นคนแรกเลยนะเอ้า…”

หมายเหตุ เรื่องสั้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารฐานเศรษฐกิจ รายสัปดาห์ นานกว่าสิบปีมาแล้ว หากสภาพปัญหาและความเป็นอยู่ของคนชนเผ่าบนดอยสูงจังหวัดตาก ก็ยังคงไม่แตกต่างจากในงานเขียนชิ้นนี้เท่าใดนัก


ศูนย์ข้อมูลริมขอบแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
ตู้ปณ.180 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50202
โทรศัพท์ 053-805-298
โทรสาร 053-805-298
E-mail borders@chmai2.loxinfo.co.th