20150127

“อยากเห็นสังคมไทยดีขึ้น” หลายคนคิดแบบนั้น แต่จะมีสักกี่คนกันที่ลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง วันนี้ทีมงาน Feel Good จะพาไปรู้จักกับ “เครือข่ายจิตอาสา” แหล่งรวบรวมและจัดกิจกรรมอาสาสมัครทั่วประเทศไทยที่คุณเองก็เข้าร่วมได้ แล้วจะพบว่า “การให้คือความสุขใจอย่างแท้จริง”

น้ำใจไหลแรงกว่าน้ำ

ทุกคนคงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์สึนามิกันได้ มีความสูญเสียและความเสียหายมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่หากพอจะนึกออก เราจะเห็นว่ามีผู้คนมากมายออกมาให้ความช่วยเหลือทั้งแรงกายแรงใจอย่างล้นหลาม พลังแห่งจิตอาสาในช่วงเวลานั้น ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ร่วมมือร่วมใจกันก่อตั้ง “เครือข่ายจิตอาสา” ขึ้นในเวลาต่อมา ด้วยอยากสร้างสังคมไทยให้เป็น “สังคมแห่งจิตอาสา” ที่มีการทำงานอาสาสมัครอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะในสถานการณ์ปกติหรือช่วงภัยพิบัติก็ตาม

“เครือข่ายจิตอาสาตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์สึนามิ เหตุผลที่คิดเริ่มต้นขึ้นมาก็เพราะตอนสึนามิ เราเห็นผู้คนมากมายออกมาเป็นอาสาสมัคร ลงมาช่วยในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยกันเองหรือชาวต่างชาติ พวกเราเองในฐานะคนทำงานพัฒนาสังคมซึ่งเราให้ความสนใจในกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เราก็มองว่า จริงๆ มันเป็นจุดเริ่มต้นของงานอาสาสมัครในยุคใหม่ของประเทศไทย

คนธรรมดาที่อาจจะไม่เคยสนใจอะไรเลย นั่งดูทีวีอยู่บ้านแล้วเห็นว่ามันเกิดความเดือดร้อนขึ้น มันเกิดความเสียหายร้ายแรงขึ้น เรานั่งอยู่บ้านไม่ได้ อยากจะออกไปทำอะไรสักอย่าง ทำยังไงที่เราที่เราจะชวนคนเหล่านี้ไปทำอย่างอื่นต่อที่ไม่ใช่จบแค่สึนามิ เพราะจริงๆ แล้วในสังคมเรายังมีช่องว่างต่างๆ ที่ต้องการให้คนทั่วไปเข้ามาช่วยเหลือและมีส่วนร่วมอีกเยอะ” “นันทินี มาลานนท์ (แอม)” ผู้จัดการเครือข่ายจิตอาสา เล่าถึงที่มาที่ไปของเครือข่ายจิตอาสาให้ฟัง

โลกอินเทอร์เน็ตเชื่อมคนอาสา

“สิ่งที่เราได้สำรวจก็คือคนอยากจะทำอะไรเพื่อสาธารณะแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง” เพื่อให้คนได้เข้าถึงกิจกรรมอาสาสมัครได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ทางเครือข่ายจิตอาสาก็ได้มีการใช้เว็บไซต์ “Volunteerspirit.org” รวมถึงโซเชียลมีเดียในชื่อแฟนเพจ “Volunteerspirit” มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารงานอาสาสมัครให้ไปถึงบุคคลทั่วไปอีกด้วย

Volunteerspirit.org เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมงานอาสาสมัครทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นเหมือนสื่อกลางที่จับทั้งผู้จัดกิจกรรมและประชาชนทั่วไปมาเจอกัน ภายในเว็บไซต์จะมีกิจกรรมอาสมัครที่หลากหลาย ทั้งประเภทกิจกรรมและช่วงเวลา เพื่อให้คนที่เข้ามามีโอกาสได้เจอกิจกรรมที่ตรงกับใจมากที่สุดหรือตรงกับเวลาที่เขามี

“เราจะเน้นเรื่องงานอาสาสมัครเป็นหลัก โดยจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือแบ่งตามพื้นที่ที่จัดกิจกรรม (ตามภูมิศาสตร์) และ แบ่งตามประเภทกิจกรรม” สำหรับการแบ่งตามพื้นที่จัดกิจกรรมนั้นจะมี “แผนที่จิตอาสา” ที่แสดงงานอาสาสมัครที่เปิดรับในแต่ละพื้นที่ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูได้ว่าในแต่ละพื้นที่นั้นมีการจัดกิจกรรมอะไร หรือหากอยากเลือกร่วมกิจกรรมตามประเภทที่สนใจก็ทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ เด็กและเยาวชน การช่วยเหลือสัตว์ เรื่องสิ่งแวดล้อม และด้านอื่นๆ ก็มีให้เลือกอีกมากมาย

“ในช่วง 2-3 ปีนี้ นอกจากเว็บไซต์แล้วเราก็มีการใช้เฟสบุ๊คด้วย เพราะในปัจจุบันคนก็จะใช้โซเชียลมีเดียเยอะ เราก็เลยเริ่มใช้เริ่มแชร์ในเฟสบุ๊คด้วย ซึ่งในช่วง 2 ปีนี้ก็มียอดไลค์เกือบ 200,000 แล้ว ซึ่งในเฟสบุ๊คก็จะมีการโพสต์ข้อมูลหลักๆ อยู่ 2 ส่วน หนึ่งก็คือโพสต์กิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ ที่อัพเดทเหมือนในเว็บไซต์แต่อาจจะไม่ได้ละเอียดทุกอันเท่า

อย่างที่สองคือการโพสต์บทความหรือเรื่องราวในการเป็นอาสาสมัคร ซึ่งทีมงานเราเป็นคนนำเรื่องมาจากต่างประเทศและแปลขึ้นเฟสบุ๊ค ก็จะมีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่จะทำให้คนเข้าใจว่าการเป็นอาสาสมัครเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก เป็นเรื่องที่ใครก็ทำได้และควรจะทำต่อเนื่องด้วย เพราะมีเรื่องราวดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ของต่างประเทศเยอะ ซึ่งเราเอามาแปลและแชร์ให้กับสังคมไทยให้ได้มีความเข้าใจถึงงานอาสาสมัครเยอะขึ้น ซึ่งเฟสบุ๊คของเราจะแอคทีฟมากและสามารถดึงคนต่อไปยังเว็บไซต์ด้วย”

เครือข่ายจิตอาสาไม่ได้มีเพียงงานด้านเว็บไซต์และเฟสบุ๊คเท่านั้น แต่ยังมีงานในด้านอื่นๆ อีกด้วย “เรายังมีงานหลังบ้านอีกหลายอย่างที่ทำให้งานอาสาสมัครมีความยั่งยืนในสังคมไทย เช่น เราเป็นที่ปรึกษาเรื่องการพัฒนาระบบบริหารจัดการอาสาสมัครให้กับองค์กรต่างๆ

เนื่องจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องของจิตอาสาเยอะขึ้นมาก แต่ว่าในด้านกิจกรรมอาสาสมัครหรือองค์กรที่รับอาสาสมัครยังมีน้อย เขาอาจไม่รู้ว่าจะบริหารจัดการอาสาสมัครยังไงในการเข้ามาทำงานในพื้นที่หรือองค์กร เราก็เลยทำหน้าที่เหมือนเป็นโค้ชที่เข้าไปพัฒนาระบบงานอาสาสมัครให้กับองค์กรต่างๆ

นอกจากนี้ในด้านนโยบาย เราร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมก็มีการผลักดันให้เกิดศูนย์อาสาสมัครแห่งชาติ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงการดำเนินการให้เกิดการจัดตั้งศูนย์แห่งนี้ขึ้น คือให้งานอาสาสมัครมันเป็นวงกว้างมากขึ้น”

งานอาสาคือการพัฒนาตนเอง

“สำหรับเครือข่ายจิตอาสา เราเชื่อว่าการเป็นอาสาสมัครคือการพัฒนาตัวเอง คือจริงๆ มันเหมือนว่าเราไปช่วยคนอื่นไปให้คนอื่น แต่ว่าถ้าคนที่เคยได้เป็นอาสาสมัครดูแล้วจะรู้เลยว่าเราได้รับมากกว่าให้มากๆ อันนี้คือหัวใจสำคัญ เรามองว่าการเป็นอาสาสมัครคือการพัฒนามนุษย์ การพัฒนามนุษย์ทำให้เราได้เรียนรู้โลกมากขึ้น โลกที่กว้างขึ้นมากกว่าแค่เรื่องของตัวเอง ครอบครัวตัวเอง แล้วก็ที่สำคัญหลายคนที่มาเป็นอาสาสมัครก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ไปในทางที่ดีขึ้น

งานอาสาสมัครเป็นการพัฒนาตัวเองด้วย ทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น รู้จักผู้คนได้ลึกซึ้งมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น และการที่เราได้มาเป็นอาสาสมัครจะมากจะน้อย เราได้มีส่วนร่วมทำอะไรบางอย่างเพื่อสังคม เพื่อคนอื่น ถ้าคนมีความตระหนักว่าเราสามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆ จากตัวเราเองได้ โดยเราไม่ต้องรอว่าเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ก่อน หรือเราต้องมีเงินเท่าไหร่ก่อนเราถึงจะเป็นอาสาสมัครได้ เราเลือกทำสิ่งที่มันเหมาะสมกับเงื่อนไขของเราได้แล้วสังคมจะดีเองเป็นลำดับๆ

อยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วงานอาสาสมัครเป็นเรื่องใกล้ตัว อยู่ในชีวิตประจำวัน และก็เริ่มทำได้จากตัวเราเอง”

“สังคมจะดีขึ้นได้เริ่มต้นที่ตัวเรา” ทุกคนมีพลังและสามารถทำอะไรเพื่อผู้อื่นได้มากกว่าที่คิด ไม่ต้องรอให้มีเงินมากๆ ไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยเหลือ ขอเพียงมีใจและมีเวลาเพียงเล็กน้อยก็ช่วยสังคมได้แล้ว สำหรับใครที่สนใจกิจกรรมอาสาสมัครก็ลองเข้าไปดูกันได้ที่ volunteerspirit.org/ หรือ www.facebook.com/Jitasa แล้วเรามาร่วมสร้างสรรค์สังคมไปพร้อมกัน!!