นอ นอ
…………..บางคนคงตกใจที่ เห็นน้ำตาของผมไหลลงมาเปื้อนแก้ ม แม้ผมจะเป็นทหาร ผมก็ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ร้องไห้ ได้ ท้อใจ สะเทือนใจ ทุกข์ใจ และกังวลใจได้เหมือนผู้ชายและผู ้หญิงทุกคน ถึงบัดนี้ผมก็ยังร้องไห้อยู่ แต่เป็นการร้องไห้ที่ไม่มีน้ ำตาแล้ว ความท้อใจจากทุกเรื่องที่ได้ผ่ านพบทำให้แม้แต่น้ำตาของผมยั งเหน็ดเหนื่อยที่จะไหลออกมา
ผมเป็นทหารของกองทัพปลดปล่ อยชาติกะเหรี่ยง ของสหภาพกะเหรี่ยงแห่งชาติหรื อเคเอ็นยู ผมเป็นทหาร แต่ผมเกลียดสงคราม การที่หน่วยของผมต้ องลาดตระเวนไปตามหมู่บ้ านชาวกะเหรี่ยงตามป่าเขา ทำให้ผมเรีียนรู้ว่าสงครามไม่ เพียงแต่จะทำให้ชาวบ้านผู้ไม่รู ้อิโหน่อิเหน่ต้องล้มตายกันเป็ นใบไม้ร่วง แต่คนที่มีชีวิตอยู่ก็ยังต้องกั ดฟันทนความทุกข์ยาก หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้ยิ่งกว่าผม
พวกเราทหารกะเหรี่ยงมักพยายามดั กฟังการสื่อสารทางวิทยุของหน่ วยลาดตระเวนพม่าเสมอ เมื่อแรกที่ผมมาเป็นทหาร ผมจำได้ว่า เราได้ยินหน่วยลาดตระเวนพม่ ารายงานว่าพวกเขามาถึงหมู่บ้ านหนึ่งแล้ว …หมู่บ้านนั้นเงี ยบ ๆ ดูเรียบร้อยดี จะให้ทำอย่างไร… แล้วเสี ยงตอบจากอีกฝั่งหนึ่งซึ่งคงเป็ นหัวหน้าของพวกเขาก็บอกว่า …ง ั้นก็เติมสีสันให้สักหน่อยสิ… ผมไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แต่เพื่อนทหารรุ่นพี่รู้ แล้วเมื่อเราเดินเท้าผ่านหมู่บ้ านนั้น เราก็พบว่าความเข้าใจของเพื่ อนรุ่นพี่ของผมถูกต้อง หน่วยลาดตระเวนพม่าได้เติมสีสั นให้แก่หมู่บ้านนั้นด้วยการจุ ดไฟเผาบ้านเรือน จากสีเพลิงจนเหลือแต่สีหม่นไหม้ ของเถ้าถ่าน
บนเส้นทางของผม ครั้งหนึ่งผมได้พบกับหญิ งสาวคนหนึ่งที่บอกว่า … ในวั นนั้น วันที่ฉันต้องขุดหลุมฝังศพแม่ และน้องสาวของตัวเอง ฉันร้องไห้เสียจนไม่มีเรี่ ยวแรงจะร้อง … ขณะที่เธอพูดนั ้น ผมรู้ว่าเธอกำลังเมามายด้วยเหล้ าที่แม่ของเธอต้มเตรียมไว้สำหรั บการเฉลิมฉลองหลังฤดูเก็บเกี่ยว แต่ก็มีเพียงเธอคนเดี ยวในครอบครัวที่ยังมีโอกาสดื่ มมัน กองทัพพม่าบุกเข้ามาในหมู่บ้ านเพราะเชื่อว่าชาวบ้านที่นั่ นมี ใจให้กับกองทัพกะเหรี่ยง พ่อของเธอถูกยิงตายในหมู่บ้าน พี่ชายและน้องชายถูกยิงตายในไร่ เมื่อเธอ แม่ และน้องสาว หนีไปแอบในกระท่อมกลางป่าที่สร้ างไว้หลบทหารพม่าพร้อม ๆ กับเพื่อนบ้านอีกห้าครอบครัว เพียงครู่เดียวที่เธอออกไปหาผั กหญ้าในป่า เสียงปืนก็ดังขึ้น แล้วทุกคนยกเว้นเธอนอนเป็ นศพเกลื่อนบริเวณกระท่อมนั้น
ใจของผมเจ็บกับเรื่องที่ได้ยิน สงครามมีฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายตรงข้ามก็ พยายามชนะสงครามด้วยการกระทำกั บชาวบ้านชนิดที่เกินกว่าที่มนุ ษย์คนหนึ่งจะรับไหว กองทัพพม่าทำลายบ้านเรือนและไร่ นาอาหาร พวกเขาฆ่าและกระทำทารุณทุกรู ปแบบ ผมเคยเจอชายชราคนหนึ่งถูกเผาทั้ งเป็น อยู่ที่บ้านของแกเอง ตอนที่พวกเราไปถึง แกยังมีลมหายใจรวยริน เนื้อตัวแกสุกเกรียมเป็นแห่ง ๆ ผมอดร้องไห้ไม่ได้ ผมรู้ว่าแกไม่มีทางจะรอดชีวิต และมันช่างเป็นช่วงเวลาของชีวิ ตที่เหลืออยู่ที่ทุกข์ทรมานเหลื อเกิน
ซากหมู่บ้านหลังจากที่หน่ วยลาดตระเวนพม่าจากไปทำให้ผมน้ ำตาไหลทุกครั้ง ถ้าเป็น
หน้าฝน ทุ่งนาจะเจิ่งนองไปด้วยน้ำและมั กจะปลอดภัยจากการถูกเผาทำลาย แต่ครั้งหนึ่งผมก็ได้พบว่านาข้ าวที่ออกรวงและลำต้นข้าวที่ยั งตั้งตรงอยู่นั้นไม่มีเมล็ดข้ าวเหลืออยู่เลย ทหารทั้งหน่วยคงลงไปเดินเล่นเพื ่อรูดเมล็ดข้าวออกจากรวง มองไกล ๆ ชาวบ้านคงนึกดีใจว่านายังอยู่ ไม่รู้เลยว่าข้าวสี ทองของพวกเขานอนเปียกโคลนตมที่ มีรอยเท้าเหยียบย่ำ ในหมู่บ้านไม่มีสัตว์เลี้ยงเหลื อแล้ว ทหารพม่าไม่ได้หิวจนต้องฆ่าสั ตว์เหล่านี้กินหรอก ศพหมูและไก่ถูกโยนทิ้งเกลื่ อนกลาดเหมือนของไร้ค่า ไก่ของชาวบ้านกะเหรี่ยงนั้นเชื่ องมาก มันเดินไปมาอย่างอิสระก็จริง แต่เพียงเรากำข้าวสารไว้ไปหว่ านให้ พวกมันก็จะกรูมาหาทันที นี่เองที่ทำให้มีซากไก่ที่ถูกหั กคอทิ้งเต็มไปหมด ทั้งยังมีหัว หนัง และเนื้อบางส่วนของหมูที่ถูกย่ างไฟทิ้งไว้ด้วย พวกเขากินแต่เครื่องในและเนื้ อส่วนดี ๆ เหมือนจะกินเล่นกินฉลองก็ว่าได้ ผมมองดูสัตว์เหล่านี้ที่เริ่มส่ งกลิ่นเน่าเหม็น มีหนอนไต่ยั้วเยี้ย เจ้าของหมูและไก่เหล่านี้จะรู้ สึกอย่างไรเมื่อกลับมาเห็นภาพที ่ผมกำลังมองอยู่ หรือว่าเขาจะตายไปก่อนพวกมันเสี ยแล้วผมก็ไม่แน่ใจ
ตลอดเส้นทางที่ผมเดินเท้า ชาวบ้านที่สูญเสียข้าวที่ ลงแรงปลูกไว้ต้องไปหาหยวกกล้วย หัวเผือกหัวมัน หน่อไม้หน่อหวาย หรือกระทั่งใบไม้ใบหญ้ามาประทั งชีวิต เมื่อใดที่ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดู กาล ไม้ไม่แทงหน่อไม่ผลิยอด ความอดอยากถึงที่สุดก็จะมาเยือน ผมเคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลั งหลบซ่อนหน่วยลาดตระเวนพม่าอยู่ ในป่า ลูกของเธอไม่ได้กินข้าวมาสิบกว่ าวัน นอนซมไข้ขึ้น ผ้าห่มก็ไม่มีสักผืน เธอบอกว่า … ผัวฉั นออกไปหาอาหารในป่า แต่เขาก็หายไป ฉันไม่รู้ว่าเขาเหยียบกับระเบิด หรือถูกจับไป หรือเป็นตายยังไง…… ผมทำอะไ รไม่ได้มาก ผมปลอบเธอไม่ถูกด้วยซ้ำ ผมและเพื่อนทหารได้แต่แบ่งข้ าวสารที่มีติดตัวกันมานิดหน่ อยให้เธอ ผมไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ผมเคยพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่ ลูกทั้งสี่และเมียที่กำลังตั้ งท้องลูกคนที่ห้าอยู่ถูกยิ งตายหมด ผมอึ้งเมื่อเขาบอกว่า ทำไมเขาต้องมาเล่าเรื่องที่ แสนเจ็บปวดซ้ำซากแบบนี้นะ ใครต่อใครก็ถามเขาแบบที่ผมถาม เขาไม่อยากพูดถึงมันอีกต่อไป หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว …ไ ม่มีใครหรอกที่มีหัวใจสองดวง…
วันนี้ ผมอยากร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมกำลังจะต้องออกเดินทางกับหน่ วยของผมเพื่อลาดตระเวนไปตามที่ ต่างๆ และผมก็จะต้องไปพบเจอเรื่ องราวอย่างนี้อีก ผมถือปืนลำยาวไว้ในมือ แต่ปืนของผมช่วยอะไรพี่น้ องชาวกะเหรี่ยง ไม่ได้เลย พวกเขาเพียงต้องการมีชีวิต บางทีเพื่อจะมีชีวิต พวกเขาก็ต้องการเพียงข้าว และเพื่อจะมีข้าว พวกเขาก็เพียงต้องการความสงบสั นติและเสรี การที่ผมเป็นทหารไม่ได้ทำให้ พวกเขาได้มีชีวิตและมีข้าว และผมก็ไม่รู้ว่ามันจะนำมาซึ่ งความสงบสันติหรือเสรีได้ไหม พวกเราเป็นเพียงแต่เป็ นมดปลวกในฝุ่นที่ฟุ้ งตลบเพราะควายฉกรรจ์สองตัวขวิ ดกันด้วยความเกลียดชังเท่านั้น
ผมเกลียดสงคราม ผมเกลียดอาวุธที่ผมถือไว้เพื่ อป้องกันตัว ผมไม่รู้จะทำอะไรดี นอกจากอยากจะตะโกนว่า…หยุดที เถอะ ……………………. ….
….. นี่คือความรู้สึกและเรื่ องราวที่ทหารชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่ งเล่าให้ฉันฟัง …..
———————
—
ศูนย์ข้อมูลริมขอบแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
ตู้ปณ.180 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50202
โทรศัพท์ 053-805-298
โทรสาร 053-805-298
E-mail borders@chmai2.loxinfo.co.th