นิตยสาร IMAGE สิงหาคม ๒๕๕๓
อย่าปล่อยใจให้มืดมิด
ภาวัน

มีเรื่องเล่าว่า ชายผู้หนึ่งเดินคอตกอยู่บนสะพานสูง เมื่อถึงกลางสะพานเขาก็หยุด แล้วก้มลงมองสายน้ำเชี่ยวเบื้องล่าง ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก็สังเกตเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเดินร้องห่มร้องไห้แล้วมายืนเกาะราวสะพานไม่ไกล จากเขาเท่าไร พอเธอทำท่าจะปีนขึ้นราวสะพาน เขาก็รีบวิ่งไปฉุดตัวเธอเอาไว้

หญิงผู้นี้ตั้งใจจะฆ่าตัวตาย เธอเพิ่งถูกชายคนรักทิ้งไปหลังจากรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ได้ ๒ เดือน เขาจึงปลอบใจเธอว่า ชีวิตนี้ยังมีหวัง คนเราถ้าไม่ย่อท้อต่อชีวิต ย่อมพบกับความสมหวังในที่สุด ไม่มีใครที่จะล้มเหลวไปได้ตลอด

เธอฟังแล้วก็กลับมีกำลังใจอีกครั้ง เธอขอบคุณเขามากที่ทำให้เธอได้คิด จากนั้นก็เดินหายลับไป
ชายผู้นั้นกลับมายืนนิ่งอยู่กลางสะพานอีกครั้ง เขาเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ จากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิด เขาปีนราวสะพานแล้วทิ้งร่างจมหายไปในสายน้ำเชี่ยว

มีผู้พบจดหมายลาตายของเขาในบ้านพัก เขาขอโทษพ่อแม่และภรรยาที่ตัดสินใจคิดสั้น อนาคตของเขาหมดสิ้นแล้วเพราะธุรกิจล้มละลาย เป็นหนี้หลายสิบล้าน อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่า แต่ก็สะท้อนความจริงบางอย่างของมนุษย์ เมื่อเห็นใครประสบปัญหาชีวิต เราสามารถแนะนำเขาได้ว่าควรทำใจอย่างไร แต่หากปัญหานั้นเกิดขึ้นกับเราเอง เรากลับช่วยตัวเองไม่ได้เลย เช่นเดียวกับชายในเรื่องที่พูดเตือนใจให้หญิงสาวมีความหวังกับชีวิตจนเลิก ฆ่าตัวตาย แต่เขาเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นกับตัวเองได้

อย่าว่าแต่เรื่องหนักหนาสาหัสจนคิดฆ่าตัวตายเลย แม้แต่เรื่องที่เบากว่านั้นก็เหมือนกัน เวลาลูกทำเงินหายไม่กี่ร้อยบาท เราสามารถปลอบใจลูกได้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย ดีที่ไม่หายมากกว่านั้น ฯลฯ แต่พอเงินของเราหายเอง กลับเสียดายและเสียใจเป็นวัน ๆ เวลาเพื่อนเศร้าโศกเสียใจเพราะสูญเสียคนรัก เราแนะนำเพื่อนได้ทันทีว่า ทำใจเถิด ชีวิตนี้ไม่เที่ยง ทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เขาไปดีแล้ว ฯลฯ แต่พอเราสูญเสียคนรักบ้าง กลับเศร้าซึมไม่เป็นอันกินอันนอน

เหตุใดเมื่อประสบปัญหากับตัวเอง เราจึงไม่สามารถสอนตัวเองได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะแนะนำคนอื่นได้อย่างไรหากประสบปัญหาอย่างเดียวกัน คำตอบน่าจะเป็นเพราะว่าอารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำใจเราจนไม่สามารถคิดอะไรออกได้ คนเรานั้นจะมีปัญญาต่อเมื่อจิตใจแจ่มใส สามารถคิดหาเหตุผลดี ๆ ได้ แต่เมื่อใดที่จิตใจนั้นถูกอารมณ์ฝ่ายลบ เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความหดหู่ครอบงำ ก็จะตกอยู่ในภาวะ “มืดแปดด้าน” คือคิดอะไรไม่ออก ใช่แต่เท่านั้นบ่อยครั้งยังไม่สามารถรับฟังคำแนะนำที่มีเหตุผลจากใคร ๆ ได้เลย เปรียบเสมือนแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่น เติมน้ำใสเข้าไปก็ล้นออกมาหมด

ดังนั้นคิดเก่งหรือรู้มากอย่างเดียวย่อมไม่พอ แต่จะต้องรู้จักเท่าทันอารมณ์ของตัวด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะถูกอารมณ์เหล่านั้นครอบงำจนคิดไม่ออก หรือเอาความรู้ที่มีอยู่มาใช้แก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ เข้าทำนอง “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด”

น้อยคนนักที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ของตัว เพราะคนส่วนใหญ่มักสนใจสิ่งนอกตัวมากกว่าจะรู้ใจตนเอง ดังนั้นการมีเพื่อนที่คอยแนะนำ ให้กำลังใจ หรือเรียกสติของเรากลับคืนมาเป็นสิ่งสำคัญ บ่อยครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการคำแนะนำที่ฉลาดหลักแหลม แค่ความเข้าใจจากเพื่อนก็มีความหมายอย่างยิ่งแล้ว

ขอเพียงแค่ความเข้าใจหรือความเห็นใจกันเท่านั้น ปาฏิหาริย์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรื่องจริงจบลงอย่างงดงามยิ่งกว่าเรื่องเล่าข้างบน

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนุ่มรัสเซียผู้หนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากสูญเสียแฟนสาวเนื่องจากอุบัติเหตุ แต่ขณะที่เขากำลังจะกระโดดสะพาน ก็เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเตรียมจะทำอย่างเดียวกัน เธอหมดหวังกับชีวิตเพราะนอกจากท้องไม่มีพ่อแล้วยังถูกครอบครัวขับไล่ ชายหนุ่มจึงเข้าไปห้ามหญิงสาว หลังจากปลอบโยนและให้กำลังใจตลอดค่ำคืน ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักและปลงใจแต่งงานกัน

การได้เห็นความทุกข์ของกันและกัน สามารถเปิดใจให้เราเห็นใจกัน จนสามารถขับไล่ความหดหู่สิ้นหวังไปจากใจได้ ตราบใดที่ไม่ปล่อยใจให้อารมณ์ครอบงำจนมืดมิด ชีวิตย่อมมีทางออกได้ในที่สุด