ครั้งยิ่งใหญ่ของมหาภัยพิบัติน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2554 แม้ว่าจะผ่านมานานแต่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าใจว่า อาสาสมัครคืออะไร เมื่อปีนั้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถูกน้ำท่วมอย่างรุนแรง ดิฉันไม่สามารถพักอาศัยอยู่ที่บ้านได้ต้องอพยพออกมาที่รังสิตบ้านย่า ปรากฏว่าน้ำก็ตามมาท่วมซ้ำที่นี่อีก ตอนนั้นพี่สาวเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีข่าวรับอาสาสมัครศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม ดิฉันกับพี่สาวก็ตัดสินใจไป

ดิฉันเป็นคนเดียวที่อายุน้อยที่สุดในศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมลาดกระบังค่ะ มีโอกาสทำงานอาสาสมัครกับหน่วยพยาบาล คือชีวิตไม่คิดเลยว่าจะได้มาช่วยจุดนี้เพราะไม่มีความรู้เรื่องยาอะไรเลย สิ่งที่ดิฉันต้องทำก็คือเรียนรู้กับมันค่ะ ทำให้ตัวเองเข้าใจให้ได้ ไม่รู้ก็จะได้รู้ไปเลย และงานที่ดิฉันอาสาทำก็ไม่ได้เพียงแค่เท่านี้ยังมีการออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วบริเวณ บางที่น้ำระดับต้นขาก็ลุยเข้าไป ซึ่งน้ำที่ลุยเข้าไปน่าขยะแขยงมาก

แต่พอมองตรงข้างหน้าพี่ ๆ เขาเดินเข้าไปได้ แล้วทำไมเราจะเดินไม่ได้ ภาพที่ดิฉันจำได้ติดตาคือความช่วยเหลือกันและกัน น้ำท่วมก็นองพื้นไปแต่น้ำใจล้นกว่ามาก พอกลับมาที่ศูนย์ฯ ดิฉันก็อาสาช่วยเหลืองานพี่ ๆ ทุกอย่างที่ทำได้อย่าง เก็บขยะเปียก บรรจุของช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัย ดูแลสุนัขของผู้ประสบภัยที่มาฝากไว้ กรอกกระสอบทราย อันนี้เหนื่อยมาก ๆ ค่ะ เพราะมันหนักมาก เสียมที่ใช้ตักทรายเข้ากระสอบคือยาวกว่าตัวดิฉันเสียอี

การได้ไปช่วยเหลือคนอื่นที่เราไม่รู้จักทำยากนะ แต่ถ้าได้ทำแล้วรู้สึกได้เลยว่ามีความสุขมาก ส่วนหน้าที่ที่ดิฉันรับผิดชอบอีกอย่างคือ ในทุกมื้อของผู้ประสบภัยที่มาพักอาศัยชั่วคราว ดิฉันกับพี่สาวต้องตื่นแต่เช้านำอาหารไปส่งให้สามมื้อในทุก ๆ วัน จึงทำให้สนิทกับลุง ป้า น้า อา ที่พักอาศัยที่นี่ พวกเราคุยกัoเหมือนญาติพี่น้อง ให้กำลังใจกัน ยิ้มให้กัน ประทับใจมากที่ได้มีโอกาสมาลองสัมผัสงานอาสาสมัครครั้งนี้ และเมื่อสถานการณ์น้ำคลี่คลายลงแล้ว ศูนย์ฯ ก็จะต้องปิดแล้วต่างคนก็กลับบ้าน ดิฉันก็ไปลาคนที่มาพักอาศัยที่เจอกันทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน มีป้าคนหนึ่งเดินเข้ามากอดดิฉันไว้แน่นเขาบอกว่า “คิดถึงที่จะต้องจากกันไป” ดิฉันก็น้ำตาไหลแบบควบคุมไม่ได้ เพราะข้างในรู้สึกได้ว่าเขาคือญาติคนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือกันในยามที่ทุกข์ยาก พี่ ๆ ที่ศูนย์ฯ ก็น่ารักทุกคน เอ็นดู แนะนำ สอนอะไรหลาย ๆ อย่าง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ

ระหว่างนั่งรถกลับมาที่บ้านของตัวเองที่ยังเหลือร่องรอยน้ำท่วมครึ่งหลัง ก็พลันคิดว่า “ตัวเองก็บ้านน้ำท่วมอยู่ลำบากก็ลำบาก แล้วไปช่วยเหลือคนอื่นทำไม” ทันทีที่คิดคำตอบก็สวนขึ้นในความคิดทันที ก็ “ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไง” เราลำบากแต่ไม่ได้ลำบากที่สุด ไม่มัวนั่งจมทุกข์ว่าบ้านน้ำท่วมแต่ลุกขึ้นมาสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นดีกว่าไหม เมื่อความคิดเปลี่ยน ตัวเราก็เปลี่ยน และเมื่อมีโอกาสงานอาสาสมัค

จิตอาสาคือสิ่งที่ดิฉันทำ เพราะดิฉันก็คือส่วนหนึ่งของสังคม แม้หนึ่งคนที่เปลี่ยนความคิดสังคมก็เปลี่ยนได้ค่ะ

#อาสาไม่สมัครเล่น
#VolunteerForSDGs
#อาสาสมัครเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน