ครั้งแรกที่ดิฉันได้ไปทำกิจกรรมอาสาสมัครอย่างเต็มตัวคือช่วงมหาวิทยาลัยปี1  ตอนนั้นค่ายที่คิดว่าประทับใจมากที่สุดคือ “ค่ายอาสาพัฒนาโรงเรียนบ้านพะเนา จ.นครราชสีมา” ตอนนั้นจำได้ว่ามีกำหนดการเดินทางไปทำกิจกรรมนี้ทั้งหมด4วัน3คืน (ระหว่างวันที่18-21 กุมภาพันธ์) แต่ !!การเดินทางที่แท้จริงนั้นคือ4วัน4คืน ฟังไม่ผิดหร่อกค่ะ4วัน4คืน !! คือทางอาจารย์ที่ดูแลกิจกรรมนี้นัดทุกคนขึ้นรถตอนเวลา6โมงเย็นของวันที่17  เพื่อที่จะได้ไปถึงโรงเรียนไวๆเพื่อเตรียมข้าวของพร้อมที่จะทำงานในวันรุ่งขึ้นเลย(มืออาชีพสุดๆ)  ทีแรกดิฉันคิดในใจว่า “ทำไมฉันต้องเอาตัวเองมาลำบากด้วยเนี่ย !! “ (ตัวผู้เขียนถูกเพื่อนสนิทลากไปลงชื่อด้วยความไม่ได้เต็มใจไป แหะๆ )แต่พอเมื่อมาถึงโรงเรียนก็มีเกิดความประทับใจแรกคือท่านผ.อ.และคุณครูของโรงเรียน2-3ท่านมาต้อนรับคณะพวกเราซึ่งตอนนั้นคือ23.30 อีกนิดเดียวก็จะเที่ยงคืนแล้ว ดึกมากกกก !! อากาศตอนนั้นก็หนาวมากแต่ท่านก็ยังมาต้อนรับพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแสดงออกถึงความยินดีถึงการมาของพวกเรา

เช้าวันรุ่งขึ้นทางโรงเรียนก็ทำพิธีการต้อนรับพวกเราอย่างเป็นทางการ   ที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีตึกเรียนประมาณ2ตึกใหญ่และอาคารเล็กน้อยแค่เพียงไม่กี่หลัง ด้านหลังของโรงเรียนติดกับรางรถไฟ (เวลาเรียนก็จะได้ยินเสียงแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว ฮ่าๆ) จำนวนมีนักเรียนประมาณ70คน มีคุณครูผู้ทำการสอน5คน ซึ่งถึงแม้โรงเรียนจะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองก็จริงแต่ยังขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนและเครื่องอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนในด้านต่างๆหลายๆอย่างอาทิเช่น  หนังสือและอุปกรณ์การเรียน ,ตู้กดน้ำดื่มให้นักเรียน  เป็นต้น  วันแรกของการทำงานคือการทาสีตึกและอาคารเรียนตลอดจนห้องน้ำ ซึ่งกลุ่มของดิฉันนั้นได้รับมอบหมายให้ทาสีห้องน้ำซึ่งตัวดิฉันเองไม่เคยทาสีทาบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนแรกทำท่าทุลักทุเลจนเพื่อนๆขำ แต่หลังๆก็ชำนาญขึ้นและสนุกมากขึ้นเพราะระหว่างทำงาน เพื่อนในกลุ่มก็เอาลำโพงขนาดจิ๋วที่พกมาจากบ้านมาเปิดสร้างบรรยากาศให้ครึกคักจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้คิดว่างานทาสีเป็นงานที่ยากแล้วก็ลำบาก พอสักสายๆคุณครูได้พาเด็กนักเรียนป.3-4จำนวนหนึ่งมาช่วยงาน แต่ด้วยความที่กลุ่มของดิฉันสงสารกลัวน้องเหนื่อยเลยวานให้น้องๆคอยวิ่งไปซื้อน้ำซื้อขนมมานั่งแบ่งกันกินซึ่งน้องๆจะดูมีความสุขมากกับการวิ่งไป-มาระหว่างสหกรณ์ร้านขนมกับห้องน้ำ

แต่ตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรมสิ่งที่สังเกตได้จากน้องๆคือทุกคนดูกะตือรือร้นในการให้ความช่วยเหลือเมื่อเราต้องการอะไร น้องๆจะรีบวิ่งไปหยิบไปหามาให้เหมือนเป็นการตอบแทนที่เรามาช่วยพวกเขา         สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดก่อนกลับกรุงเทพ น้องคนนึงมาพูดกับเพื่อนของผู้เขียนว่า  “แล้วกลับมาหาพวกหนูอีกนะ” ซึ่งแม้จะเป็นประโยคสั้นๆแต่ทำเอาตัวผู้เขียนและเพื่อนๆถึงปลื้มปิติจนอยากจะร้องไห้ออกมา  จนตัวดิฉันได้ย้อนกลับมาคิดได้ ว่าการให้เล็กๆของเรา แต่มันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับน้องๆที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ   จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ตัวผู้เขียนเองตั้งปณิธานไว้ว่า จะตั้งใจทำงานจิตอาสาต่างๆต่อไปเพื่อ