คมชัดลึก :”ถ้าเหลือง-แดงสามารถปรึกษากันในคุก ได้สัญลักษณ์ที่ทลายกำแพงทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติ” เป็นบทความของนายแพทย์ประเวศ วะสี พลเมืองอาวุโส ความดังนี้

๑. มีผู้วางแผนให้เหลือง-แดงปะทะกัน หลังเหตุการณ์มหาสงกรานต์เลือดที่สังคมไทยเกือบหลุดเข้าสู่มิคสัญญีกลียุค หลายคนเห็นว่ามีผู้จงใจวางแผนให้เหลือง-แดงปะทะกัน ดีว่าเหลือง “รู้ทัน”  ไม่ออก แดง “รู้ทัน” หยุด แต่ผู้วางแผนยังไม่หยุด การสังหารสนธิก็ถูกใช้เพื่อจุดชะนวนความขัดแย้งต่อไปอีก ถ้าเหลือง “รู้ทัน” แดง “รู้ทัน” และสังคมไทย “รู้ทัน” ความพยายามก่อให้เกิดมิคสัญญีกลียุคก็ไม่สำเร็จ

ถ้าแผ่นดินมีความศักดิ์สิทธิ ขอพระสยามเทวาธิราชจงดลบันดาลให้เหลือง “รู้ทัน” แดง “รู้ทัน” และสังคมไทย “รู้ทัน” การ “รู้ทัน”  คือการมีสติปัญญายับยั้งชั่งใจในสภาวะที่ปากเหวของมิคสัญญีเป็นโอกาสที่ สังคมไทยจะอภิวัฒน์ไปสู่จุดลงตัวใหม่ สังคมไทยติดอยู่ในโครงสร้างของอำนาจที่ซับซ้อนแน่นหนาที่กักขังคนไทยไว้ไม่ ให้ออกไปได้ อย่างที่มีผู้กล่าวว่า “คนไทยเหมือนไก่อยู่ในเข่ง” รอเขาเอาไปเชือดตายทุกตัว แต่ระหว่างนั้นยังจิกตีกันร่ำไปใน “เข่ง” มันคับแคบไก่มันเบียดเสียดเยียดยัดกระทบกระทั่งกันจึงจิกตีกันปางตายหรือตาย

เห็นหรือยังครับว่าเกือบตายกันทุกคน นายกฯอภิสิทธิ์ก็เกือบตาย คุณสนธิก็เกือบตาย คุณทักษิณก็เหมือนตายทั้งเป็น ประธานองคมนตรีก็ลำบาก สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ถูกจาบจ้วงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ยังไม่นับคนไทยที่ต้องตายไปแล้วจริงๆ และคนไทยทั้งประเทศที่อยู่ร้อนนอนทุกข์

เราต้องเข้าใจ “เข่ง” และรวมตัวกันออกจากเข่งบ้านเมืองจึงจะหายวิกฤต “เข่ง” คือโครงสร้างอำนาจอันซับซ้อนและหนาแน่น ซับซ้อนและหนาแน่นเกินกว่าที่ใครหรือสถาบันใดๆ จะแหวกออกไปได้ จึงเห็นได้ว่าไม่มีรัฐบาลใดๆเลยที่สามารถแก้ไขความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้ แรงงานได้ เพราะความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานเกิดจากการขาดความเป็นธรรม ความไม่เป็นธรรมเกิดจากโครงสร้างอำนาจอันซับซ้อนแน่นหนาที่ไม่มีใครมีปัญญา ที่จะสะเดาะออกไปได้ ตราบใดที่ขาดความเป็นธรรม สังคมจะขัดแย้งและรุนแรงเรื่อยไป คนไทยจึงควรรวมตัว “บินออกจากเข่ง” หรือออกจากโครงสร้างอันไม่เป็นธรรม

ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความอาฆาต การใช้ความรุนแรง ไม่ทำให้เราออกจากโครงสร้างของความรุนแรงได้ การไม่ทำอะไรหรือกลับไปอย่างเก่าก็แก้ความรุนแรงไม่ได้ ท่ามกลางความแตกแยกรุนแรงและการมีความแค้นฝังใจอย่างสุดๆ การที่จะร่วมมือกันเพื่อบินออกจากเข่งได้ คงต้องการกระบวนการอะไรบางอย่างที่ทรงพลังมหัศจรรย์

๒. พลังสมานอันมหัศจรรย์ ในความเป็นมนุษย์มีพลังมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ เป็นพลังที่มหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ ถึงเวลาที่จะต้องเข้าใจพลังมหัศจรรย์แห่งความเป็นมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในส่วน ลึกของหัวใจ อะไรที่ตื้นๆ จะแบ่งแยก อะไรที่ลึกๆจะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว

ในประเทศแอฟริกาใต้มีความขัดแย้งอันร้าวลึกที่คนขาวไปกดขี่คนดำ คนดำที่ต่อสู้ถูกฆ่าตายบ้าง ถูกจองจำบ้าง เนลสัน แมนเดลา ผู้นำการต่อสู้ของคนผิวดำถูกไล่ล่าและถูกจำคุกอยู่ถึง ๒๗ ปี ความเกลียดชังฝังอยู่ในจิตใจของคนขาวและคนดำอย่างมองไม่เห็นทางออกด้วยสันติ แต่เมื่อเขามาใช้กระบวนการที่เรียกว่า “Truth and Reconciliation” หรือ “สัจจะและสมานฉันท์” โปรดสังเกตว่าไม่ใช่สมานฉันท์เฉยๆ แต่มีสัจจะหรือการยอมรับความจริงนำหน้า คราวหนึ่งในที่ประชุมคนผิวดำ ตำรวจคนขาวคนหนึ่งมารับสารภาพว่า เขาได้ฆ่าคนผิวดำไปอย่างไรบ้าง แทนที่คนผิวดำจะกรูกันเข้ามาฉีกเนื้อตำรวจคนนั้น แต่ร้องไห้กันระงมและมีการให้อภัยเมื่อมีการสารภาพความจริง การขอโทษ (Apology) สามารถมีการให้อภัย (Forgiveness) อันยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อตามมาได้ ในความเป็นมนุษย์มีความสามารถในการให้อภัยอย่างไม่น่าเชื่อ ลองดูตัวอย่างข้างล่าง

ที่แอริโซนา สหรัฐอเมริกา มีวัยรุ่นคนหนึ่งไปขายพิซซาแล้วถูกวัยรุ่นอีกคนหนึ่งยิงตาย พ่อของเด็กที่ถูกยิงตายเห็นว่าพ่อแม่ของเด็กที่ยิงลูกเขาตายคงจะตกอยู่ใน สถานะที่ย่ำแย่ทางจิตใจ จึงไปช่วยเยียวยาเด็กคนนั้นรวมทั้งพ่อแม่ของเขาด้วย เมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ในที่ประชุมใหญ่ในแคลิฟอร์เนียฟัง คนที่ประชุมทั้งหมดร้องไห้กันระงมด้วยความตื้นตันใจในความมหัศจรรย์แห่งจิต ของบิดาผู้สูญเสียลูก การให้อภัยทำให้การก่อเวรก่อกรรมยุติลง ตรงข้ามกับการจองเวร

๓. การรับสภาพ การขอโทษ การให้อภัย คือพลังสมานอันมหัศจรรย์ ขบวนการคนเสื้อเหลืองและขบวนการคนเสื้อแดง มีทั้งคนรักและคนชัง เป็นความรักและความชังอย่างรุนแรงถึงขนาดไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ความรักและความชังอย่างรุนแรงนำไปสู่การนองเลือดและมิคสัญญีกลียุคได้ ควรจะต้องหาทางถอนพิษในจิตใจออกเสีย ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นโดยเหตุใดก็ตาม

ถ้าทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ระลึกรู้ว่าอาจมีคนวางแผนให้เหลือง-แดงปะทะ กันเพื่อให้เกิดมิคสัญญีกลียุค และต้องการให้สังคมไทยฟื้นคืนดี ไปสู่ความสมานฉันท์ ที่จะร่วมกันบินออกจากเข่งแห่งโครงสร้างอันไม่เป็นธรรม อาจลองใช้กระบวนการ “รับสารภาพ-ขอโทษ-ให้อภัย” ดูเช่นว่า คนเสื้อเหลืองรับสารภาพว่าตนทำผิดกฏหมายอะไรบ้าง  ขอโทษ ยินดีรับโทษคนเสื้อแดงรับสารภาพว่าตนทำผิดกฏหมายอะไรบ้าง ขอโทษ ยินดีรับโทษ

ถ้าโทษนั้นจะหมายถึงติดคุกก็ยินดี คุกไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวสำหรับมหาบุรุษหรือคนรักชาติ มหาตมะคานธีก็ดี  เนห์รูก็ดี เนลสัน แมนเดลาก็ดี ล้วนเคยติดคุกมาแล้วทั้งสิ้น  การติดคุกของมหาบุรุษเหล่านี้กลับไปสร้างเสริมจิตวิญญาณของชาติให้เข้มแข็ง ขึ้น  ถ้าเหลือง-แดงสามารถปรึกษากันในคุกได้ จะเป็นสัญลักษณ์ที่ทลายกำแพงทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติทันที

คำว่า “ผมขอโทษ” เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ จะเอื้อนออกมาได้จากจิตใจที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญเท่านั้น คนขี้ขลาดจะไม่กล้ากล่าวคำนี้  ถ้าขอโทษได้ ก็ให้อภัยได้

กระบวนการสารภาพความจริง การเอ่ยคำขอโทษ  และการให้อภัยจะช่วยให้สังคมฟื้นคืนดี  และสมานฉันท์ได้อย่างมหัศจรรย์ ในหมู่คนเสื้อแดงไม่ ได้มีคนชนิดเดียวกัน ถ้าแยกคุณทักษิณซึ่งมีความเป็นพิเศษไว้ต่างหาก ที่เหลือมีคนจนกับนักอุดมการณ์ฝ่ายซ้าย เราจะเข้าใจและเห็นใจเขาได้มากขึ้น   คนจนเขาไม่มีทางหายจนเพราะโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม ที่เรียกว่าฝ่ายซ้ายนั้นคือ คนที่เห็นใจคนจนและรักความเป็นธรรมแต่เขาทำอะไรไม่ได้เลยในโครงสร้างแห่ง อำนาจอันซับซ้อนและแน่นหนา ตราบใดที่สังคมไทยยังไม่ออกจากโครงสร้างแห่งอำนาจอันซับซ้อนและแน่นหนา จะไม่หายรุนแรง ไม่มีใครหรือสถาบันใดๆ จะพาสังคมไทยออกจากโครงสร้างแห่งความไม่เป็นธรรมได้นอกจากร่วมกัน ปรกติเราจะไม่ร่วมกัน บัดนี้เราเผชิญวิกฤตที่ไม่มีทางไปแล้ว ความร่วมกันจึงเป็นไปได้  ร่วมกันทำอะไร

๔. ร่วมกันแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร และผู้ใช้แรงงานอย่างเด็ดขาดและถาวร  ความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน คือภาพที่สะท้อนความไม่เป็นธรรม การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้คือ การถอดสลักความไม่เป็นธรรม ถ้าเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานหายจน บ้านเมืองจะแข็งแรง มั่นคงและศานติ

การแก้ความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานทำได้โดยโยงกระบวนการของคนข้าง ล่างมาสู่นโยบาย  คนข้างล่างเขารู้ว่าความยากจนคืออะไร เกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร แต่เขาไม่เคยมีโอกาสทางนโยบาย นโยบายล้วนกำหนดมาจากความไม่รู้ข้างบน

กระบวนการแก้ความยากจนของเกษตรกร และผู้ใช้แรงงานได้กล่าวถึงโดยละเอียดกว่านี้ในบทความชื่อ“การเยียวยา : การรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดี” ซึ่งจะตีพิมพ์ตามมา  กระบวนการที่กล่าวในบทความนั้นเป็นกระบวนการประชาธิปไตยฐานล่าง อันกว้างใหญ่ไพศาล ที่โยงมากับฝ่ายนโยบายหลายระดับ และระดับบนคือนายกรัฐมนตรี กระบวนการนี้จะสะเดาะโครงสร้างอันซับซ้อนและแน่นหนาให้หลุดเป็นเปลาะๆ ไป

การสะเดาะโครงสร้างอำนาจนี้ตามปรกติจะทำไม่ได้ เพราะติดขัดโดยรอบด้าน แต่เมื่อสังคมวิกฤตจนไม่มีทางไปแล้ว ก็เป็นโอกาสแห่งความร่วมมือกันทุกฝ่ายที่จะบินออกจาก “เข่ง”  หรือโครงสร้างแห่งอำนาจเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม ในสังคมที่เป็นธรรม คนจะรักกันมาก และรักชาติบ้านเมือง

ืที่มา : http://www.komchadluek.net/