คัดลอกจาก มติชนรายวัน วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุขแท้ด้วยปัญญาหยั่งราก กู้กระแสทุกข์ในสังคม

 

ในเวลาที่รอบๆ ตัวคนไทยเต็มไปด้วยปัจจัยที่เอื้อให้รู้สึกเครียดหรือทุกข์มากกว่าสุข มีกลุ่มคนต่างที่มา ต่างอาชีพจากทั่วประเทศกำลังรวมตัวกันเพื่อสร้างกิจกรรมภายใต้แนวคิดเพื่อ ให้เกิด “สุขแท้ด้วยปัญญา” ขึ้นในพื้นที่ของตัวเอง และเมื่อเร็วๆ นี้ กำลังคนเหล่านี้ได้มาพบปะกันที่ จ.นครปฐม เพื่อรับคำชี้แนะการทำโครงการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

พระไพศาล วิสาโล ประธานเครือข่ายพุทธิกา และเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ ได้กล่าวในงานปฐมนิเทศโครงการสุขแท้ด้วยปัญญา ปีที่ 2 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า จากสถานการณ์ในสังคมปัจจุบันที่มีความแตกแยกทางการเมืองเป็นฝ่ายสีเหลืองและ สีแดง ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายและความเครียดในกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นเหตุให้ต้องช่วยกันกระตุ้นให้แต่ละคนแสวงหาสุขแท้ด้วยปัญญาอย่างเร่ง ด่วน ทั้งนี้เพราะสาเหตุหนึ่งคือการที่คนไปหาความสุขด้วยแนวทางผิดๆ แสวงหาแต่ความสุขที่ไม่จริง หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าสุขเทียม หวังที่จะใช้ทางลัด ใช้เส้นใช้สาย เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ก็เลยส่งผลเสียให้กับสังคมมากมาย รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็เกิดมาจากคนสองกลุ่ม ที่คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองจนทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนไปด้วย

นอกจากนี้ ท่านยังบอกอีกว่า เมื่อใดก็ตามที่เราคิดถึงคนอื่น จะทำให้ความทุกข์ของตนเล็กลง โดยเล่าตัวอย่างชีวิตของหนูน้อยวัย 7 ขวบ ชื่อน้องโย ซึ่งเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นสุขแท้จริงๆ ว่า เรื่องเกิดมาจากวันหนึ่ง คุณป้าชวนน้องโย ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน ทำให้ป้าแขนหัก ส่วนน้องโยเคราะห์ร้าย กระดูกขาถูกรถทับแตกละเอียด

ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ป้าร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่น้องโยไม่ร้องไห้เลย จนกระทั่งคุณหมอผ่าตัดเสร็จ ด้วยความสงสัยจึงถามน้องโยว่า เพราะเหตุใดน้องโยถึงไม่ร้องไห้ น้องโยให้คำตอบคุณหมอว่า ไม่อยากให้ป้าเสียใจ เป็นห่วงว่าป้าจะมีความทุกข์เพิ่มขึ้น นี่เป็นตัวอย่างของการคิดถึงผู้อื่นจนทำให้ความทุกข์ของตัวเองกลายเป็น เรื่องเล็ก ซึ่งพระไพศาลอยากให้เรื่องนี้มีเพิ่มมากขึ้น เพราะจะทำให้สังคมดีขึ้น

“คนที่อยากหาสุขแท้ก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติ ว่าความสุขแท้อยู่ที่ใจ ไม่พึ่งพิงวัตถุ ไม่คำนึงถึงตนเป็นอย่างเดียว พึ่งพาตัวเองให้มาก อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง เพราะยิ่งคิดถึงตัวเองมากเท่าไหร่ตัวเองก็ยิ่งทุกข์ คนที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่นี่ก็คิดถึงแต่ตัวเองทั้งนั้น ยิ่งคิดถึงตัวเอง ยิ่งรู้สึกเหงา ให้ปรับใหม่โดยการเริ่มคิดถึงผู้อื่น คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงคนในบ้าน แล้วค่อยขยายมาเป็นสังคม ชุมชนรอบๆ ตัว หากทำได้แค่นี้ก็จะทำให้ชีวิตเป็นสุขและความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น อย่างทุกวันนี้ก็จะหมดไป”

พระไพศาลบอกอีกว่า ถ้าเรายึดทัศนคติอันเป็นที่มาแห่งความสุข 4 ประการ ซึ่งได้แก่ 1.เชื่อมั่นในความเพียรของตน ไม่หวังลาภลอยคอยโชค 2.คิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง 3.ไม่พึ่งพิงความสุขทางวัตถุอย่างเดียว 4.รู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นประโยชน์เกื้อกูล ก็จะส่งผลให้สร้างสุขแท้ได้ ภายใต้แนวคิด สุขอยู่ไม่ไกลถ้าวางใจเป็น

สำหรับโครงการสุขแท้ด้วยปัญญาปีที่ 2 นี้มีโครงการต่างๆ ที่ผ่านการคัดเลือก จำนวนทั้งสิ้น 56 โครงการ จากจำนวนทั้งสิ้น 255 โครงการ เช่น โครงการธนาคารเพื่อการแบ่งปัน (Sharing Bank) กทม. โครงการปรับความคิดชีวิตมีสุข จ.กาญจนบุรี โครงการไม่รวยก็สุขได้ จ.เชียงราย และโครงการพลังภาพยนตร์ชวนคนค้นดี จ.นนทบุรี เป็นต้น

 

Credit : http://www.visalo.org