ผนังบ้านไม่ว่าจะเป็น ผนังภายนอก หรือภายในถ้าดูแลรักษาดีก็มี อายุการใช้งานยืนยาว แต่กรณีที่บ้านไหนโดน “น้องน้ำ” มาเยือนแถมยังอยู่นานแบบใกล้ชิดสนิทแนบ หลังจากคุณเธอจากไปและทิ้งความเสียหายเอาไว้เบื้องหลัง เราจะมีวิธีฟื้นฟูดูแลผนังกันอย่างไรให้กลับมาสวยงามดูดีเหมือนเก่า หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับสภาพเดิม

ปกติเจ้าของบ้านมักจะเลือกสรรวัสดุต่างๆ มาตกแต่งผนังบ้านให้สวยงามตามแต่รสนิยม การดูแลรักษานั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของผนัง ผนังบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน การฟื้นฟูก็ต้องเริ่มจากทำความสะอาดคราบสกปรกกันก่อน จากทำความสะอาดคราบสกปรกกันก่อน

โดยการใช้น้ำยากำจัดเชื้อราซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อให้เลือก หลังจากนั้นก็ต้องปล่อยทิ้งไว้ในสภาพที่อากาศสามารถระบายได้ดี เพื่อให้ความชื้นระเหยออกได้สะดวก รอยน้ำที่ทิ้งคราบไว้ตามระดับน้ำที่ค่อยๆ ลดลงเป็นเส้นๆ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการคงอยู่ของระดับน้ำว่ามาอยู่นานแค่ไหน

หากเป็นผนังภายในเราสามารถใช้พัดลมระบายอากาศช่วยไล่ความชื้นออกจากผนัง ได้ และทางที่ดีไม่ควรนำตู้ โต๊ะ โซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นใด มาวางบังหรือตั้งไว้ใกล้ผนัง เพราะจะทำให้การระบายตัวของความชื้นเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

กรณีเป็นผนังทาสี หาก เป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน หลังปฏิบัติการข้างต้นแล้ว ต้องขูดแซะสีเก่าออกให้หมดด้วยเกรียง การที่ผนังจมแช่อยู่ในน้ำนานๆ ปูนจะมีคราบเกลือเกิดขึ้น ต้องล้างคราบเกลือออกให้หมดแล้วปล่อยไว้ราว 5-7 วันให้ผนังแห้ง จากนั้นอุดโป๊วรอยแตกร้าวลายงาด้วย Acrylic Filler หรือ Acrylic Sealant ชนิดต่างๆ ตามขนาดของรอยร้าว รอให้แห้งและจึงขัดแต่งด้วยกระดาษทราย หลังจากนั้นจึงทาน้ำยาฆ่าเชื้อราและตะไคร่ 2 ครั้งทิ้งไว้ให้แห้ง เที่ยวละ 3-4 ชั่วโมง ต่อจากนั้นจึงรองพื้นเพิ่มการยึดเกาะ 1 ครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วเพิ่มการยึดเกาะ 1 ครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงเลือกใช้สีตามคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ไม่มีกลิ่น สีกันเชื้อรา สีที่ทำความสะอาดรอยคราบสกปรกได้ง่าย เป็นต้น

ถ้าเป็นผนังวอลเปเปอร์ การ ฟื้นฟูดูแลหนีไม่พ้นที่จะต้องลอกวอลเปเปอร์ออก และระบายความชื้นออกจากผนังให้หมดก่อน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนก่อนติดใหม่ หากเป็นมืออาชีพเขาจะมีเครื่องมือตรวจวัดระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม ก่อนติดวอลเปเปอร์ใหม่

สำหรับผนังยิปซั่มและผนังไม้อัดก็เช่นกัน ต้อง เลาะออกแล้วระบายความชื้นออกจากโครงเคร่าไม้ให้สนิทก่อนนำแผ่นใหม่มาติด สำหรับโครงเคร่าโลหะความชื้นสามารถระบายออกได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามต้องแน่ใจว่า โครงเคร่าแห้งสนิทแล้วจึงค่อยบุผนังใหม่

ผนังกระจกและโลหะ เป็น อีกประเภทที่บ้านสมัยใหม่นิยมใช้กันมากขึ้น การทำความสะอาดหลังน้ำท่วมถึงทำได้ง่าย เพียงขจัดคราบสกปรกบนพื้นผิวและบริเวณรอยต่อให้สะอาด เน้นไม่ให้มีน้ำขังอยู่ตามซอกมุมต่างๆ อย่างไรก็ตามการที่ผนังประเภทนี้จมน้ำอยู่นานๆ อาจทำให้ยาแนวเสื่อมคุณภาพ จึงควรยาแนวใหม่ด้วยวัสดุที่เหมาะสม

ส่วนผนังไม้ ต้อง ทำความสะอาดคราบสกปรกแล้วปล่อยให้ความชื้นระเหยให้หมดก่อนที่จะลงผลิตภัณฑ์ รักษาและเพิ่มความงามในเนื้อไม้ ต้องมั่นใจว่าแห้งจริงๆ แล้วจึงค่อยลงมือทำ เพราะถ้าผลีผลามรีบทาสีหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก่อนที่ผนังจะแห้งสนิท อาจทำให้ไม้ผุฝังในจนผนังเสียหายในที่สุด

กรณีที่เป็นผนังไม้ทาสี หลัง จากทำความสะอาดไล่ความชื้นออกแล้ว ถ้าเป็นผนังไม้เนื้ออ่อนซึ่งใช้เวลาคายความชื้นประมาณ 2 สัปดาห์ เร็วกว่าไม้เนื้อแข็งเท่าตัว ให้ขัดลอกสีเดิมออกด้วยกระดาษทรายจนถึงเนื้อไม้ ทายาฆ่าเชื้อราและตะไคร่ แล้วจึงทำความสะอาดผงสีและคราบไขออกให้หมด จากนั้นจึงทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ 1-2 ครั้ง ถ้าทา 2 ครั้งให้ทิ้งให้แห้งราวครั้งละ 1 ชั่วโมง แล้วจึงปิดท้ายด้วยการทาสีหรือสีย้อมไม้ ซึ่งมีหลายชนิดและสรรพคุณตามความต้องการของผู้ใช้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงเบาใจไปเยอะเลย เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก และเป็นอีกทางเลือกของการฟื้นฟูดูแลผนังบ้านอย่างประหยัดและถูกวิธีก่อนจะ ถึงขั้นเรียกใช้ช่างมืออาชีพ

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน