ในยุคที่โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในช่วงเวลาเดียวกับยุคที่มนุษย์ใกล้ชิดกับวัตถุนิยมจนออกห่างจากงาน ศิลป์นี้ พื้นที่สีเขียวที่มีไว้ให้สูดดมอากาศบริสุทธิ์ก็แทบจะหดหายไปพร้อมๆ กับพื้นที่ในการเสพศิลป์จรรโลงอารมณ์ ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนามนุษย์ให้เติบโตอย่าง มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ ไกลห่างจากความเป็นมนุษย์จักรกลมากยิ่งขึ้น

  

สำหรับวันแห่งความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานนี้ หลายคนอาจไม่คาดคิดกับการเกิดปรากฎการณ์ที่น่าจับตาและน่าชื่นชมที่เกิดขึ้น ในเมืองหลวงของประเทศไทย งานนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แสดงศิลปะในเมืองกรุงไป พร้อมๆ กันแล้ว ยังเป็นการพลิกโฉมวันวาเลนไทน์กับความรักในมุมมองใหม่ที่เป็นมุมมองแห่งการ ให้อย่างไม่มีเงื่อนไขได้อย่างน่าสนใจทีเดียว “งานนี้มีชื่อว่า CRACK 2 ครับ ซึ่งงาน CRACK นี้จะเป็นโปรเจ็คทางศิลปะที่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่และเปิดโอกาสให้คน ทั่วไปได้มีโอกาสแสดงงานศิลป์ของตัวเองเหมือนกับศิลปินทั่วไป ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นการแสดงศิลปะในสวนในหัวข้อ “การให้อย่างไม่มีเงื่อนไข” การจัดงานในวันนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีมากทั้งจากศิลปินที่มาร่วมแสดง บุคคลทั่วไปที่ร่วมสร้างงานศิลป์ และผู้ที่เข้ามาชมงานศิลปะทุกคน ผมมีความรู้สึกว่าเป็นบรรยากาศที่ดีมาก เป็นการเสพงานศิลปะในพื้นที่โล่งแจ้ง หลีกหนีจากงานศิลป์ในรูปแบบเดิมๆ มี่ต้องแสดงอยู่แต่ในแกลเลอร์รี่ งานนี้คนชมงานศิลป์ก็เดินอย่างเพลิดเพลิน สบายๆ แล้วก็ยังทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้อย่างง่ายๆ อีกด้วยครับ นอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่งานแสดงศิลปะให้กับประชาชนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การเสพงานศิลปะให้เข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายอีกด้วย ครับ” รศ.ดร.เถกิง พัฒโนภาษ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการในส่วนของ Mor Mor Creative Forum กล่าว
งาน “CRACK 2 : ศิลปะในสวน (แห่งการให้) สาธารณะ / Artistic Flowers in the Park” นี้ เป็นการเปิดพื้นที่ศิลปะในสถานที่สาธารณะที่สอดผสานกับกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อสังคม ด้วยความร่วมมือของ Mor Mor Creative Forum และ ทีมส่งเสริมจิตอาสา มูลนิธิบูรณะชนบทฯ พร้อมด้วยความอนุเคราะห์ของกรุงเทพมหานคร ที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้มีโอกาสจัดแสดงศิลปในพื้นที่กลางแจ้ง ณ อุทยานเบญจสิริ แห่งนี้ ซึ่งเป็นการแสดงงานศิลป์ท่ามกลางธรรมชาติที่เรียงรายกันราวกับดอกไม้ศิลป์ อันหอมกรุ่นในสวนกลางกรุง โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากศิลปินที่มีชื่อเสียงและศิลปินประเภทบุคคลทั่วไป ได้ให้ความร่วมมือกับถ่ายทอดงานศิลปะในหัวข้อ “การให้อย่างไม่มีเงื่อนไข” กว่า 70 ท่าน อาทิ ท่านติช นัท ฮันห์ พระมหาเถระองค์สำคัญของโลก, พระไพศาล วิสาโล, ศาสตราจารย์ระพี สาคริก, อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง, ชลิต นาคพะวัน, ภัทรีดา ปะสานทอง, ตรัย ภมิรัตน์ ซึ่งศิลปินทุกคนจะร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านผ้าใบขนาด 9×9 นิ้ว กว่า 200 ชิ้น อีกด้วย

  

บรรยากาศงานในวันนั้นเต็มไปด้วยความสุขของผู้ที่มาถ่ายทอดงานศิลปะซึ่งร่วม เพลินเพลินกับดอกไม้งานศิลป์ในบรรยากาศสบายๆ กับผู้คนมากมายที่ให้ความสนใจกับงานศิลป์ในสวนครั้งนี้ ภายหลังจากที่แดดร่มลมตกพิธีการเปิดงานก็เริ่มขึ้นพร้อมๆ กับบรรยากาศสบายๆ เคล้ากับเสียงเพลงเพราะตลอดเวลา ในครั้งนี้เรายังได้รับเกียรติจากปูชณียบุคคลสำคัญของชาติอย่างท่าน ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ให้เกีรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมกันนี้ท่านยังได้ร่วมแสดงงานในฐานะศิลปินกิตติมศักดิ์อีกด้วย

“มาครั้งนี้ผมมาด้วยใจ แต่ก็ได้เอาใจคนอื่นกลับไปเยอะเลย ในขณะเดียวกันก็มีคนมากมายมาเอาใจของผมกลับไปด้วย เพราะวันนี้ผมดีใจและประทับใจมากๆ ก็ต้องขอชมเชยกับทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้งานดีๆ นี้เกิดขึ้นในเมืองกรุง ผมว่าการให้ใจในครั้งนี้มันเป็นคุณค่าทั้งกับตัวเราเองแล้วก็สังคมด้วย ผู้ใหญ่เห็นคนรุ่นใหม่ทำดีสร้างสรรค์สังคม เราก็ต้องมีหน้าที่ที่จะให้กับเขาด้วย ซึ่งเมื่อเขามาขอความร่วมมือกับเราเราก็ยินดี ถ้าใครไม่รู้จักให้ก็อย่าเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่เลย ซึ่งการให้เพียง 1 เดียว ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ได้ครับ”

ท่านศาสตราจารย์ระพี สาคริก กล่าวด้วยอารมร์สุนทรีย์กับการเปิดงานในครั้งนี้ ก่อนที่ท่านจะหยิบเอาเมาท์ออร์แกนมาเปล่าเพลง “เพชรน้ำหนึ่ง” พร้อมร้องเพลงอันไพเราะนี้ให้กับทุกคนที่มาร่วมงานได้ซาบซึ้งและอิ่มเอมใจ กันอีกด้วย
หันไปทางด้านสนามหญ้าอันเป็นลานศิลป์ งานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ถูกปักลงบนผืนหญ้าราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งงด งามในสวนสวย การสื่อสารแนวความคิดของแต่ละคนก็ออกมาในหลากหลายเทคนิคและรูปแบบการนำเสนอ และหนึ่งในศิลปินชื่อดังที่ร่วมแสดงผลงานในครั้งนี้อย่าง คุณอนุชัย ศรีจรุญพู่ทอง ช่างภาพมือระดับโลก ก็ได้ให้ความหมายถึงงานศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาด้วยฝีมือในหัวข้อ “การให้อย่างไม่มีเงื่อนไข” ในครั้งนี้ด้วย “ถ้าใครได้ติดตามงานของผมก็จะเห็นว่าผมจะทำผลงานเกี่ยวกับธรรมชาติ งานนี้ผมใช้เทคนิคเซรามิคสื่อสารถึงต้นไม้กับดินสีดำที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งแนวความคิดในครั้งนี้ก็คือ ธรรมชาตินั้นต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน ต้นไม้ต้องมีดินที่อุดมสมบูรณ์ถึงจะเจริญเติบโตงอกงาม ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็ให้ความชุ่มชื้นกับดินด้วย ซึ่งลักษณะในธรรมชาตินี้เปรียบเสมือนการให้อย่างไม่มีเงื่อนไขต่อกันนั่นเอง ครับ” คุณอนุชัยยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมถึงการให้ในสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ต่อว่า

  

“จริงๆ แล้วสังคมไทยเราในอดีตนั้นเป็นการให้แบบไม่มีเงื่อนไขกันมาช้านาน อย่างเรามีอาหารมาก เราก็กลัวมันเน่ามันเสีย ก็เอาไปแบ่งปันคนข้างบ้าน เป็นต้น แต่ในปัจจุบันที่วัฒนธรรมเราเจริญตามโลกยุคใหม่มากขึ้น สังคมก็เกิดการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การให้แบบไม่มีเงื่อนไขก็เริ่มลดน้อยลง เรามักจะตั้งคำถามในใจทุกครั้งเมื่อจะให้เสมอ เราต้องรู้จักฝึกจิตใจในการให้ให้มากขึ้นครับ ง่ายๆ ถ้าเรามีรองเท้า 10 คู่ ใส่จริงๆ ก็ไม่ถึง 9 คู่ด้วยซ้ำ ลองเอา 1 คู่ไปให้คนอื่นดูสิ แค่นี้ก็เป็นการฝึกการให้แล้ว ซึ่งมันก็จะได้ใช้ประโยชน์ต่อ แล้วก็มีการให้ต่อกันไป ถ้าทุกคนรู้จักให้กันมากขึ้น สังคมก็จะพัฒนาในแนวทางที่ดีขึ้นด้วยครับ”

อีกมุมหนึ่งของสวนศิลป์ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับสองพี่น้องศิลปินรุ่นใหม่อย่าง แป้ง-ภัทรีดา ประสานทอง และ นวล-นวลตอง ประสานทอง ที่มีโอกาสได้มาร่วมกันแสดงงานศิลป์เพื่อการให้ในครั้งนี้ได้ให้ความเห็นถึง “การให้อย่างไม่มีเงื่อนไข” ในครั้งนี้ด้วย “สำหรับนวลกับแป้งนี่เราเป็นพี่น้องที่ตัวติดกันตลอด ทำอะไรด้วยกันเสมอๆ ไม่ใช่ฝาแฝดก็เหมือนฝาแฝด ซึ่งความใกล้ชิดกันนี้ทำให้เราให้ทุกอย่างกันอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้และรับซึ่งกันและกัน ซึ่งการให้อย่างไม่มีเงื่อนไขนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีมาก ก็อยากให้คนในสังคมเราให้กันอย่างไม่มีเงื่อนไขกันให้เยอะขึ้นค่ะ สังคมก็น่าจะมีความสุขกันมากกว่านี้” นวลกล่าว พร้อมๆ กับการเสริมของแป้งว่า “จริงๆ แล้วศิลปะในครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการให้อย่างไม่มีเงื่อนไขที่ดีทีเดียว อย่างแรกเลยเราเอามาตีโจทย์ของงาน ซึ่งมันก็ทำให้แป้งทำศิลปะชุดนี้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทำไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุด ซึ่งการไม่มีเงื่อนไขนี้ทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากๆ ทำได้อย่างเต็มที่ไม่มีข้อจำกัด แล้วงานก็ถ่ายทอดความสุขออกมาได้ดี เป็นหนึ่งในงานที่เราชอบมากๆ ด้วย เพราะมันออกมาจากความสุขจริงๆ แล้วงานนี้ก็ยังให้ต่ออย่างไม่มีเงื่อนไขในการเปิดรับบริจาคอีกด้วย ซึ่งถ้าเรารู้จักการให้อย่างไม่มีเงื่อนไขกันแล้วจะรู้ว่ามันทำให้เรามีความ สุขมาก ถ้าทุกคนให้กันหมด สังคมก็มีความสุขกันหมดด้วยค่ะ”

  

เกริ่นถึงคนรุ่นใหม่ทำให้เรานึกถึงพลังอันจะกลายเป็นคลื่นลูก(ใหม่)ที่สำคัญ พร้อมจะขับเคลื่อนสังคมในภายภาคหน้า ซึ่งงานนี้คนเลือดใหม่ไฟแรงก็ให้ความสนใจในกิจกรรมนี้กันอย่างมากมาย หนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่อย่าง วรัญญู สรเศรษฐ์สกุล นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีโอกาสได้ร่วมแสดงศิลปะในครั้งนี้ก็ได้ร่วมให้ความเห็นในเรื่องการให้ ว่า “การให้คือการเสียสละอันยิ่งใหญ่ครับ การที่เรารู้จักเสียสละจะช่วยลดความเห็นแก่ตัวให้น้อยลงด้วย สำหรับงานของผมเป็นการสื่อสารง่ายๆ ผมนำเอาแปรงทาสี พร้อมคำว่าให้ ไปแปะที่ชิ้นงานเฟรมผ้าใบครับ มันเป็นการสื่อความหมายถึงการอยากให้ทุกคนมาร่วมสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อการให้ ด้วยตัวเองครับ” วรัญญู ยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมถึงการจัดงานนี้ขึ้นในวันวาเลนไทน์วันแห่ง ความรักที่วัยรุ่นมักมองเป็นแค่เรื่องรักเพศตรงข้ามว่า “แปลกดีครับ มันเป็นการเปลี่ยนมุมมองความรักแบบเดิมๆ ให้คนเห็นความรักแบบใหม่ๆ บ้าง แล้วก็ให้คนรุ่นใหม่หันมามองเรื่องความรักมากกว่าเรื่องความรักแบบหนุ่มสาว แล้วมันก็ยังรู้สึกดีที่มาแสดงในสวนสาธารณะ ทำให้สวนที่สวยอยู่แล้วสวยมากยิ่งขึ้นด้วยครับ”
อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่อย่าง พลาวุฒิ เจริญจิตมั่น เยาวชนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมปลายมาจากประเทศสิงคโปร์หมาดๆ ที่เขาอาจไม่ได้แสดงพลังทางศิลปะให้เห็นในงาน แต่เขาได้แสดงสปิริตของอาสาสมัครที่เสียสละมาช่วยเหลือสังคมได้อย่างยอด เยี่ยมทีเดียว

“มาเป็นอาสาสมัครในงานนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ เพราะเห็นข่าวเปิดรับอาสาสมัครในเว็บไซต์ www.volunteerspirit.org แล้วก็อยากช่วยเหลือสังคมด้วย คุณแม่ก็เลยพามา ก็มาช่วยเป็น staff ทั่วไปครับ ช่วยทำทุกอย่าง รู้สึกสนุกมาก เป็นประสบการณ์การทำอาสาสมัครในอีกรูปแบบหนึ่งที่ดีมากๆ มาแล้วได้ทั้งช่วยเหลือสังมและได้รับความรู้สึกดีๆ กลับไปด้วยครับ มันก็เหมือนกับเราได้รับความสุขจากการให้อย่างไม่มีเงื่อนไขของเราด้วย” น้องพลาวุฒิทิ้งทายให้เราไว้อย่างน่าประทับใจ

อีกด้านของงาน เราได้เห็นคนหลากหลายวัย หลากหลายอาชีพ หลากหลายความสนใจ มาเดินชมงานศิลปะในครั้งนี้กันอย่างมีความสุข ซึ่งความรู้สึกนี้ก็เป็นความรู้สึกเช่นเดียวกันกับสองเยาวชนรุ่นใหม่ที่มา ร่วมกิจกรรมในวันนี้กับเราด้วย “ไม่เคยเห็นงานศิลปในสวนมาก่อนเลยค่ะ ก็รู้สึกดีที่มีงานศิลปที่หาดูได้ง่ายให้เราดู ทุกชิ้นชอบหมดเลยค่ะ เพราะแต่ละอันมีความหมายดีๆ ในตัวเองทุกอันเลย ก็อยากจะให้มีการจัดงานแบบนี้บ่อยๆ เป็นการสร้างสีสันให้กับสวนสาธารณะอีกแบบหนึ่งด้วย ก็จะทำให้คนมีอย่างอื่นทำนอกจากจะมาออกกำลังกายหรือเดินเล่นมากขึ้น แล้วก็อยากเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้มาทำงานศิลปะให้มากขึ้นด้วยค่ะ อย่างเราสองคนเองก็อยากที่จะร่วมสร้างศิลปะและแสดงผลงานเช่นกันถ้ามีโอกาส ดีๆ แบบนี้มาอีกครั้ง มันมีความสุขทั้งคนที่ทำแล้วก็คนที่มาดูด้วย” ลลิตพร สาดและ และ วนิดา วนานุรักษาวงศ์ สองนิสิตชั้นปีที่ 4 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแสดงความเห็นจากมุมมองของผู้ชมงาน

  

ความรักแห่งการให้กับศิลปะในสวนครั้งนี้ปิดฉากแรกลงอย่างสวยงามด้วยความสุข ของทุกคนที่มาร่วมเสพงานศิลป์ในสวนกลางกรุง พร้อมกันนี้งานศิลปะทุกชิ้นยังได้เปิดจำหน่ายเพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปช่วย เหลือกิจกรรมการกุศลต่างๆ โดยมอบให้กับ มูลนิธิชัยพัฒนา, Mor Mor Creative Forum เพื่อนำไปจัดกิจกรรมดีๆ ทางศิลปะเพื่อสังคม และ ทีมส่งเสริมจิตอาสา ที่จะนำไปทำกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสังคมต่อไป ซึ่งในวันเปิดงานนั้นต่างก็มีผู้รักงานศิลป์ที่ใจบุญร่วมกันสนุบสนุนงาน ศิลป์ที่จัดแสดงไปกว่าหนึ่งแสนบาท
สำหรับงาน CRACK 2 : ศิลปะในสวน (แห่งการให้) สาธารณะ / Artistic Flowers in the Park มีกำหนดจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม 2551 ในเวลา 15.00-19.00 น. ณ อุทยานเบญจสิริ  สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณพรเพ็ญ โทร.081-685-8176, คุณพรรัตน์ โทร. 086-668-3722 หรือ www.volunteerspirit.org และ www.mormor.org